Page 706 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 706

๖๙๔




                        ตัวอย่างที่  ๕ ค าพพากษาที่ ๕๘๓/๒๕๕๒ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีได้ความต่อไปว่าจ าเลยช าระหนี้
                                       ิ
                 แกโจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพนธ์ ๒๕๔๐ หลังจากนั้นจ าเลยก็มิได้ช าระหนี้แก่โจทก์ และโจทก์ได้
                                                   ั
                   ่
                                                     ื่
                      ั
                                                                                                    ้
                                                                                   ้
                                                                           ้
                 ปรับอตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ ๑๙ ต่อปี เพอเรียกเอาจากจ าเลยดังที่อางมาในฟอง ศาลฎีกาจึงเห็นพองด้วย
                        ุ
                 กับศาลอทธรณ์ที่วินิจฉัยว่า การที่โจทก์ปรับใช้อตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑๙ ต่อปี เป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิปรับ
                                                        ั
                 อัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเนื่องจากจ าเลยผิดสัญญา อันเป็นการใช้สิทธิปรับอัตราดอกเบี้ยตามสัญญากู้ ข้อ ๓. ซึ่ง
                 เป็นข้อตกลงก าหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในกรณีที่จ าเลยไม่ช าระหนี้ให้ถูกต้อง จึงเข้าลักษณะเป็นเบี้ยปรับ
                 และศาลมีอานาจลดเบี้ยปรับดังกล่าวลงได้ถ้าเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วน ตามนัยประมวลกฎหมายแพงและ

                                                                                                     ่
                 พาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ มิใช่อตราดอกเบี้ยตามข้อตกลงระหว่างโจทก์กับกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเพยง
                                         ั
                                                                                                       ี
                 ข้อผ่อนผันในการคิดดอกเบี้ยเอาจากจ าเลย เมื่อจ าเลยผิดนัดข้อผ่อนผันจึงตกไปต้องใช้อตราดอกเบี้ยร้อยละ
                                                                                         ั
                                                                       ุ
                                                    ้
                                                                                                      ั
                 ๑๙ ต่อปี ที่ระบุไว้ในสัญญาตามที่โจทก์อางในฎีกา และที่ศาลอทธรณ์เห็นควรลดลงคงเหลือเพยงอตรา
                                                                                                  ี
                 ดอกเบี้ยตามข้อตกลงระหว่างโจทก์กับกระทรวงยุติธรรมบวก ๒ ต่อปี ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นจ านวนค่าปรับ
                 พอสมควรแล้วมิได้ต่ าเกินไป เพราะการให้กู้ยืมตามสิทธิสวัสดิการสืบเนื่องมาจากกระทรวงยุติธรรมต้นสังกัด

                 ของจ าเลยผู้กู้นั้นได้น าเงินมาฝากออมทรัพย์ไว้กับโจทก์มีจ านวนไม่น้อยกว่า ๔ เท่า ของจ านวนเงินต้น

                 คงเหลือและดอกเบี้ยค้างช าระ อกทั้งหากจ านวนเงินที่กระทรวงยุติธรรมน ามาฝากเพมขึ้นเกินกว่า ๔ เท่า
                                            ี
                                                                                        ิ่
                 ของวงเงินกู้ โจทก์ก็ยินยอมให้ปรับลดอตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจากช่วงห่างร้อยละ ๔ ด้วยซ้ า อนเห็นได้ว่าเป็น
                                                 ั
                                                                                             ั
                 กรณีที่โจทก์หาประโยชน์อย่างจ ากัด โดยมีส่วนลดจากดอกเบี้ยอตราที่เรียกเอาจากลูกค้าทั่วไป แลกเปลี่ยน
                                                                      ั
                                 ี่
                 กับจ านวนเงินฝากทได้มาจากกระทรวงยุติธรรมตามข้อตกลง ดังนั้น จึงไม่จ าต้องค านึงถึงอัตราดอกเบี้ยผิดนัด
                                     ่
                 ซึ่งประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ บัญญัติไว้ เป็นเกณฑ์ขั้นต่ าในการลดค่าปรับแก่จ าเลย
                 ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น


                         พิพากษายืน (ศาลอุทธรณ์พพากษาให้จ าเลยช าระดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยตามขอตกลงระหว่างโจทก์
                                                                                        ้
                                               ิ
                 กับกระทรวงยุติธรรมบวก ๒ ต่อปี ของต้นเงิน ๒๘๑,๖๙๔.๒๔ บาท นับแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๐ จนกว่า
                 จะช าระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามค าพิพากษาศาลชั้นต้น...)”


                                                                                     ิ
                            ิ
                        เมื่อพเคราะห์จัดรูปแบบตัวอย่างค าพพากษาศาลฎีกาข้างต้นแล้วน าไปพจารณาปรับเข้ากับบริบท
                                                       ิ
                 ของสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในสาระส าคัญของพระราชก าหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวล
                           ่
                 กฎหมายแพงและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีข้อค านึงถึงการบังคับคดีตามค าพพากษาที่มีระยะเวลาภายใน
                                                                                  ิ
                 สิบปี นับแต่วันที่มีค าพพากษาหรือค าสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๒๗๔
                                                                                            ่
                                     ิ
                                                                             ิ
                 วรรคหนึ่ง พอจะได้ข้อพิจารณา ดังนี้
                                                                                 ิ
                                      ิ
                                                                                                ั
                        ตามตัวอย่างค าพพากษาศาลฎีกาตัวอย่างที่ ๑ ถึงที่ ๓ จะมีรูปแบบค าพพากษาที่ก าหนดอตราดอกเบี้ย
                              ั
                 ผิดนัดคงที่เป็นอตราตายตัวซึ่งอาจให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบระหว่างเจ้าหนี้ตามค าพพากษากับ
                                                                                                 ิ
   701   702   703   704   705   706   707   708   709   710   711