Page 707 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 707

๖๙๕





                 ลูกหนี้ตามคาพิพากษาในอันที่จะขวนขวายในการบังคับคดีหรือปฏิบัติการช าระหนี้สืบเนื่องจากอัตราดอกเบี้ย
                                                ั
                              ั
                 ที่ศาลก าหนดมีอตราที่สูงหรือต่ ากว่าอตราเงินฝากหรือเงินกู้ของธนาคารในขณะนั้น แต่ก็มีข้อพึงระวังว่า หาก
                                                ิ
                                                                                          ่
                 มีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดช าระหนี้ที่สูงเกนส่วนจะท าให้ลูกหนี้ที่ไม่ตั้งใจจะผิดนัดช าระหนี้ไมสามารถช าระหนี้ได้
                 อัตราดอกเบี้ยผิดนัดช าระหนี้จึงควรค านึงถึงความสามารถในการช าระหนี้ของลูกหนี้ตามค าพพากษาด้วย
                                                                                            ิ
                                                                                               ั
                                       ิ
                                                                               ิ
                        ตามตัวอย่างค าพพากษาศาลฎีกาตัวอย่างที่ ๒ จะมีรูปแบบค าพพากษาที่ก าหนดอตราดอกเบี้ย
                 ผิดนัดต่ ากว่าดอกเบี้ยระหว่างปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งศาลฎีกาเคยวางแนวทางวินิจฉัยไว้เป็นค าพพากษาที่
                                                                                                  ิ
                 ๔๖๙๐/๒๕๔๓  แล้วว่า  “ข้อตกลงเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์คดดอกเบี้ยอัตรา
                                                                                             ิ
                 ร้อยละ ๑๙ ต่อปี หมายความว่าไม่ว่าจ าเลยจะผิดนัดช าระหนี้หรือไม่ก็ตาม โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยเอา
                 จากจ าเลยในอตราดังกล่าวตามสัญญาได้ดังนี้จึงไม่ใช่เบี้ยปรับ แม้ทางปฏิบัติโจทก์จะผ่อนผันให้โดยคิด
                             ั
                                                                                           ิ่
                 ดอกเบี้ยไม่ถึงร้อยละ ๑๙ ต่อปี โดยเริ่มแรกคิดเพยงร้อยละ ๑๒.๒๕ ต่อปีและต่อมาปรับเพมขึ้นจนถึงร้อยละ
                                                         ี
                                 ั
                 ๑๙ ต่อปีก็ไม่ท าให้อตราดอกเบี้ยในส่วนนี้กลายเป็นเบี้ยปรับแต่อย่างใด  ส่วนข้อตกลงกรณีผู้กู้ผิดนัดไม่ช าระ
                                                             ิ่

                 เงินกู้ตามกาหนดงวดใดงวดหนึ่งผู้กู้ยินยอมให้ผู้ให้กู้เพมอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่ก าหนดเมื่อใดก็ได้นั้น หมายถึง
                 กรณีผู้กู้ผิดนัดไม่ช าระหนี้แล้วผู้ให้กู้เพมอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ ๑๙ ต่อปี ดอกเบี้ยส่วนที่เกินกว่า
                                                ิ่
                 ร้อยละ ๑๙ ต่อปีเท่านั้นที่เป็นเบี้ยปรับ ซึ่งถ้าศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจ านวนพอสมควรก็ได้

                                                                   ิ
                 แต่จะลดลงเหลือน้อยกว่าร้อยละ ๑๙ ต่อปีไม่ได้ ” แนวค าพพากษาศาลฎีกาคดีนี้วางหลักไว้ชัดเจนแล้วว่า
                 อตราดอกเบี้ยผิดนัดจะต้องไม่ต่ ากว่าอตราดอกเบี้ยระหว่างสัญญา” จึงสามารถน ามาใช้เป็นกรอบแห่ง
                                                  ั
                  ั
                     ิ
                                     ั
                 ดุลพนิจในการก าหนดอตราดอกเบี้ยผิดนัดของศาลได้ แม้อาจจะมีผู้โต้แย้งว่าหากดอกเบี้ยระหว่างสัญญา
                 มีอตราที่สูงจะท าให้ดอกเบี้ยผิดนัดที่ศาลก าหนดจะต้องมีอตราที่สูงไปด้วยหรือไม่ เห็นว่าปัญหาดังกล่าว
                                                                   ั
                   ั
                 มีจุดเริ่มจากข้อตกลงตามสัญญาซึ่งรวมถึงข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยระหว่างคู่สัญญาที่จะต้องตกอยู่

                       ั
                 ภายใต้อตราตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว กล่าวคือ หากเป็นเอกชนด้วยกันก็ไม่อาจก าหนดดอกเบี้ยให้เกินไปกว่า
                  ั
                                                                          ั
                 อตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ตามที่พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอตรา พ.ศ.๒๕๖๐ ก าหนดไว้ หรือหาก
                 คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นสถาบันการเงินหรือธนาคารก็มีพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน

                 พ.ศ.๒๕๒๓ และพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.๒๕๐๕ ก ากับไว้อนเป็นกรอบให้สถาบันการเงิน
                                                                                 ั
                                                            ั
                 หรือธนาคารไม่อาจเรียกดอกเบี้ยจากลูกค้าเกินกว่าอตราสูงสุดที่สถาบันการเงินหรือธนาคารมีสิทธิ ทั้งยังเป็น
                 หน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะก ากับดูแลหรือก าหนดอตราดอกเบี้ยของ
                                                                                           ั
                 สถาบันการเงินหรือธนาคารไม่ให้สูงเกินไป อีกทั้งกลไกตลาดก็เป็นเครื่องมือช่วยให้เกิดการแข่งขันเรื่องอตรา
                                                                                                      ั
                 ดอกเบี้ยต่ ากว่าคู่แข่งโดยทางอ้อมด้วย


                                                                                               ั
                        ตามตัวอย่างค าพพากษาศาลฎีกาตัวอย่างที่ ๔ จะมีรูปแบบค าพพากษาที่ก าหนดอตราดอกเบี้ย
                                       ิ
                                                                               ิ
                                                    ิ
                 ผิดนัดคงที่ แต่ดอกเบี้ยผิดนัดที่ศาลใช้ดุลพนิจก าหนดให้ในอตราร้อยละ ๑๖ ต่อปี ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยระหว่าง
                                                                  ั
   702   703   704   705   706   707   708   709   710   711   712