Page 87 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 87

๗๔




                                                        ิ
                                                ิ

                                                                             ื่
               ของศาลในการก าหนดแนวทางการพจารณาพพากษาคดียาเสพติดเพอเป็นการอานวยความยุติธรรมตาม
               เจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป

               ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายและหลักความได้สัดส่วน


                                                                                 ื่
                                                                                    ิ
                           ในการด าเนินคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่น าพยานหลักฐานมาสืบเพอพสูจน์การกระท าความผิดของ
               จ าเลย ส่วนจ าเลยอาจให้การปฏิเสธโดยไม่น าสืบพยานหลักฐานใด ๆ เลย หรือน าพยานหลักฐานของตนมาสืบ
                  ื่
               เพอหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ก็ได้ แต่การพจารณาว่ามีการกระท าความผิดเกิดขึ้นจริงและจ าเลยเป็น
                                                           ิ
               ผู้กระท าความผิดนั้น เป็นเรื่องที่ศาลจะพจารณาจากพยานหลักฐานของโจทก์ว่ามีความชัดเจนหรือมีน้ าหนักให้
                                                  ิ
               รับฟังได้หรือไม่เพียงใดเป็นส าคัญ ถ้าศาลเห็นว่าจ าเลยเป็นผู้กระท าความผิด ศาลจะพิพากษาลงโทษ ถ้าศาลเห็นว่า
                                                                                                 ิ
               จ าเลยมิได้เป็นผู้กระท าความผิดหรือพยานหลักฐานของโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควร ศาลจะพพากษายกฟอง
                                                                                                           ้
                                                                              ๔
                                          ิ
               ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง  แต่ในการด าเนินคดีอาญาบางเรื่อง
               โจทก์อาจไม่สามารถน าพยานหลักฐานมาพสูจน์การกระท าความผิดของจ าเลยได้อย่างชัดเจน เพยงแต่มี
                                                      ิ
                                                                                                      ี
               พยานหลักฐานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวหามาพิสูจน์ความผิดของจ าเลยเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่
                                                                       ี
                                 ิ
                                                                                  ั
               ของศาลที่จะใช้ดุลพนิจชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ว่าเพยงพอให้รับฟงลงโทษจ าเลยตามข้อกล่าวหา
                                        ิ
                                                                                           ิ
                                                                                    ื่
               ได้หรือไม่เพยงใด การใช้ดุลพนิจเช่นนี้จึงไม่ใช่หลักเกณฑ์แน่นอนที่จะผูกมัดให้ศาลอนที่จะพจารณาคดีที่มีลักษณะ
                         ี
               ข้อเท็จจริงท านองเดียวกันให้ต้องถือตาม หากแต่เป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเฉพาะคดีแต่ละคดีไป
                                                                                                      ื่
                                  ื่
                           ดังนั้นเพอให้การรับฟงพยานหลักฐานในคดีอาญาบางประเภทมีความแน่นอนชัดเจน เพอให้เกิด
                                             ั
               บรรทัดฐานในทางปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน อนจะมีผลให้รัฐสามารถบรรลุ
                                                                                      ั
               วัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการกระท าความผิดอาญาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฝ่ายนิติบัญญัติ
               จึงได้ตรากฎหมายก าหนด “ข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย” วางหลักเกณฑ์ให้โจทก์มีภาระการพสูจน์พยานหลักฐาน
                                                                                             ิ
                                                                   ื่
               แสดงข้อเท็จจริงอนเกี่ยวเนื่องกับการกระท าความผิด เพอพสูจน์การกระท าความผิดตามที่กฎหมายวาง
                                ั
                                                                     ิ
               บทสันนิษฐานไว้ได้ โดยผลของข้อสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าวท าให้จ าเลยในคดีอาญามีหน้าที่
                                                                                   ๕
               น าพยานหลักฐานมาน าสืบเพื่อพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานที่ก าหนดขึ้นโดยกฎหมาย






                       ๔  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ บัญญัติว่า “ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ าหนักพยานหลักฐาน

               ทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระท าผิดจริงและจ าเลยเป็นผู้กระท าความผิดนั้น
                        เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจ าเลยได้กระท าผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จ าเลย”
                       ๕  วีระพล ตั้งสุวรรณ. (๒๕๕๘). การใชข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในคดียาเสพติดภายใต้หลักนิติธรรม. เอกสารวิชาการ
                                                  ้
               ส่วนบุคคล วิทยาลัยรัฐธรรมนูญ ส านักงานศาลรัฐธรรมนูญ, หน้า ๕.
   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92