Page 89 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 89
๗๖
เว้นแต่จ าเลยจะพิสูจน์เป็นอย่างอื่น เหตุผลที่ฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้อาจเป็นเพราะต้องการให้แนว
ื่
วินิจฉัยของศาลในเรื่องนั้น ๆ มีความแน่นอน และเป็นไปในทางเดียวกัน เพอสนับสนุนนโยบายการปราบปราม
อาชญากรรมบางประเภทที่ส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสังคม
การใช้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในคดีอาญา ในกรณีจ าเป็นเพอประโยชน์ในการรักษาความสงบ
ื่
เรียบร้อยของสังคม มักจะมีปัญหาเรื่องความชอบธรรมในการน ามาใช้อยู่พอสมควร ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มี
การพัฒนาหลักการก าหนดข้อสันนิษฐานความรับผิดของจ าเลยในคดีอาญามาอย่างยาวนานมีประเด็นปัญหาว่าการ
ใช้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในคดีอาญาชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ จนในที่สุดศาลสูงของสหรัฐอเมริกาซึ่งท า
หน้าที่แปลความและควบคุมกฎหมายมิให้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยยอมรับข้อสันนิษฐานความรับผิด
ของจ าเลยในคดีอาญา โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายจะก าหนดข้อสันนิษฐานความรับผิดของจ าเลยในคดีอาญาได้
ั
ก็ต่อเมื่อมีความสัมพนธ์กันอย่างสมเหตุสมผล (Rational Connection) ระหว่างข้อเท็จจริงที่เป็นเงื่อนไขของ
ข้อสันนิษฐาน (Basic fact) กับข้อเท็จจริงตามข้อสันนิษฐาน (Presumed fact) ซึ่งหมายความว่า หากมีข้อเท็จจริง
ั
อนเป็นเงื่อนไขของข้อสันนิษฐาน (Basic fact) ย่อมเป็นที่แน่นอนแทบจะปราศจากข้อสงสัย (Beyond
๘
Reasonable Doubt) เลยว่า ข้อเท็จจริงตามข้อสันนิษฐาน (Presumed fact) ย่อมมีอยู่ด้วย ซึ่งในสหรัฐอเมริกา
การใช้ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในคดีอาญาเป็นข้อสันนิษฐานตามกฎหมายแบบไม่เด็ดขาด
การใช้ข้อสันนิษฐานความรับผิดทางอาญาเป็นการตรากฎหมายใช้บังคับเพอจ ากัดสิทธิเสรีภาพของ
ื่
บุคคล การที่รัฐจะใช้มาตรการทางกฎหมายจ ากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจ ากัดสิทธิหรือเสรีภาพของ
บุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมาย
ดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพมภาระหรือจ ากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและจะ
ิ่
กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจ าเป็นในการจ ากัดสิทธิเสรีภาพไว้
ด้วย” และวรรคสองบัญญัติว่า “กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่
กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง” การที่กฎหมายที่มีผลเป็นการจ ากัดสิทธิหรือเสรีภาพ
ิ่
ของบุคคลจะต้องไม่เพมภาระหรือจ ากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับ
หลักความพอสมควรแก่เหตุหรือหลักความได้สัดส่วน (Principle of Proportionality) ไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลัก
๙
๘ เพิ่งอ้าง, หน้า ๘.
๙ ชนาทร จิตติเดโช. หลักเกณฑ์การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจ ากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล และค าวินิจฉัยของศาล
รัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. หน้า ๙ สืบค้นเมื่อ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ จาก
https://cdc.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/elaw_parcy/ewt_dl_link.php?nid=2542