Page 993 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 993

๙๘๑


                                                                                         ื่
                                                           ั
                        ประการที่สาม การเสนอให้ศาลยอมรับฟงค าให้การของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เพอประโยชน์ในการ
                 พิพากษาคดีให้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น
                        ประการที่สี่ กระตุ้นให้ศาลสนใจกับบุคคลบางประเภทที่มีความรับผิดทางอาญาแตกต่างไปจาก

                                                           ิ
                 บุคคลทั่วไป เนื่องจากไม่อาจก าหนดเจตจ านงโดยอสระ(free will) ได้ โดยสมควรที่กฎหมายควรให้ความ
                 ปรานีและผ่อนปรนการลงโทษแก่บุคคลบางประเภทเช่น เด็ก บุคคลวิกลจริต คนชรา เป็นต้น
                        สาระส าคัญดังกล่าวได้น าไปสู่การแก้ไขระบบกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ในยุคนี้เป็นยุคแรก

                                                                                                   ๙
                 ที่สังคมหันมาให้ความส าคัญกับเหตุควรปรานีต่างๆ และให้ความส าคัญกับการก าหนดโทษที่เหมาะสม

                 วัตถุประสงค์ของการลงโทษ

                          ทฤษฎีเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการลงโทษเมื่อมีการกระท าความผิดเกิดขึ้นในสังคม เพอรักษา
                                                                                                  ื่
                 ความสงบเรียบร้อยของสังคมและควบคุมพฤติกรรมของผู้กระท าความผิด สังคมจึงต้องหาวิธีการอย่างใด

                 อย่างหนึ่งในการจัดการกับคนที่กระท าความผิดหรือละเมิดกฎเกณฑ์ของสังคม หากสังคมไม่จัดการกับคนที่
                 กระท าความผิด แสดงว่าสังคมยอมรับการกระท าความผิดดังกล่าว วิธีการต่าง ๆ ที่จะน ามาใช้ลงโทษ

                                                                                     ๑๐
                 ผู้กระท าความผิดก็จะต้องตั้งอยู่บนทฤษฎีในการลงโทษผู้กระท าความผิดต่าง ๆ ดังนี้
                         ๑. ทฤษฎีการลงโทษเพื่อการแก้แค้นทดแทน (Retribution) เป็นแนวคิดที่ว่าใครกระท าความผิด

                 ใดย่อมต้องได้ผลตอบแทนการกระท านั้น การลงโทษด้วยวิธีนี้ไม่มีข้อก าหนดที่แน่นอนขึ้นอยู่กับความ

                 พอใจของฝ่ายต้องเสียหายจากการกระท าของผู้กระท าความผิด
                         ๒. ทฤษฎีการลงโทษเพอเป็นการยับยั้งอาชญากรรม (Detcrrence) เป้าหมายหลักของการ
                                              ื่
                                                                                             ื่
                 ลงโทษเป็นไปเพอให้ผู้กระท าผิดเข็ดหลาบไม่กล้ากระท าความผิดซ้ าขึ้นอก และเพื่อให้บุคคลอนเกรงกลัวไม่
                                                                            ี
                              ื่
                 กล้ากระท าความผิด หรือมีพฤติการณ์ลอกเลียนแบบ
                                             ื่
                          ๓. ทฤษฎีการลงโทษเพอตัดผู้กระท าความผิดออกจากสังคม (Incapacitation) เป็นการลงโทษ
                                                                        ื่
                                                                    ี
                   ื่
                 เพอตัดโอกาสมิให้ผู้กระท าความผิดกลับมากระท าความผิดอก เพอให้สังคมปลอดจากอาชญากรรม เช่น
                 การลงโทษประหารชีวิต จ าคุกตลอดชีวิต หรือจ าคุกมีก าหนดเวลา
                                                                                                       ื่
                                             ื่
                                                        ื้
                          ๔. ทฤษฎีการลงโทษเพอการแก้ไขฟนฟูผู้กระท าความผิด (Rchabiliation) เป็นการลงโทษเพอ
                 วัตถุประสงค์ในอนาคตมุ่งเป็นการเฉพาะตัวแก่ผู้กระท าความผิดเท่านั้น ไม่ได้มีความมุ่งหมายจะให้มีผลถึง
                       ื่
                 บุคคลอนในสังคมโดยตรง แต่มีวัตถุประสงค์จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้กระท าความผิดและกลับตัว
                          ื่
                 เป็นคนดีเพอเข้าสู่สังคมได้อกครั้งโดยไม่เกิดปมด้อยว่าตนได้เคยกระท าความผิดและได้รับโทษ ทฤษฎีการ
                                        ี
                 ลงโทษเพอแก้ไขฟนฟผู้กระท าความผิดตั้งอยู่บนพนฐานความเชื่อที่ว่าผู้กระท าความผิดสามารถ
                                 ื้
                                     ู
                                                              ื้
                         ื่

                        ๙  “เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓๓”
                        ๑๐  มณีนุช แสงสุวรรณนุกุล, การใช้ดุลพินิจในการก าหนดโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
                 และพราะราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ , สืบค้นเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๔.ที่มา:

                 https://grad.dpu.ac.th/upload/content/files/ปีที่%203%20ฉบับที่%201%20สิงหาคม-พฤศจิกายน%
                 202557/51-Jour_V3_No_1_การใช้ดุลพินิจในการก าหนดโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์.pdf.
   988   989   990   991   992   993   994   995   996   997   998