Page 31 - annual 2561
P. 31
23
ก. ในส่วนความรับผิดทางอาญาและทางวินัย
ไม่น่าจะเป็นปัญหา เช่น แม้ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง
แต่ศาลปกครองลงโทษทางวินัย ต่างคนต่างบังคับตาม
ค�าพิพากษาของแต่ละศาลได้ถือว่าค�าพิพากษาไม่ได้
ขัดกัน แต่ในส่วนของค�าพิพากษาที่อาจจะมีปัญหา
ค�าพิพากษาขัดแย้งกันได้ เพราะแนวค�าวินิจฉัยชี้ขาด
อ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ออกไปคือ กรณีมีการใช้จ่าย
เงินงบประมาณผิด แล้วถูกราชการเรียกคืน เคยมี
๒๕๔๒ ที่ก�าหนดให้คณะกรรมการพิจารณาโดยค�านึง ค�าพิพากษาราชการจ่ายให้กับเจ้าพนักงาน ถ้าไปฟ้อง
ถึงประโยชน์แห่งความยุติธรรมและความเป็นไปได้ใน เรียกจากข้าราชการ ก็เอาเงินที่จ่ายคืนไปผิดคืนมา
การปฏิบัติตามค�าพิพากษาหรือค�าสั่งของศาล (โปรดดู แบบนี้มีค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลให้ไป
ค�าวินิจฉัยที่ ๖๒/๒๕๔๗ ที่ ๒๖/๒๕๔๘ ที่ ๒/๒๕๕๗ ศาลยุติธรรม แต่ถ้าข้าราชการคนนั้นมาฟ้องเพิกถอน
ที่ ๑๙/๒๕๕๒ และที่ ๖๕/๒๕๕๙) และหากคดีที่เสนอ ค�าสั่งที่ให้เรียกเงินคืน ไปศาลปกครอง
เข้าสู่การพิจารณานั้นมีลักษณะคดีเป็นคดีที่อยู่ในอ�านาจ ข. เขตอ�านาจศาลในคดีละเมิดที่ข้าราชการ
ของศาลใด ก็ให้บังคับตามค�าพิพากษาของศาลนั้น เพื่อให้ ทุจริตแล้วหน่วยงานต้นสังกัดฟ้องเรียกเงินคืน กรณีเช่นนี้
เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดตั้งศาลเป็นระบบศาลคู่ น่าจะถือเป็นการใช้อ�านาจทางกฎหมายที่ข้าราชการนั้น
ซึ่งได้แก่ความมุ่งหมายให้ประชาชนได้รับการพิจารณา ใช้โอกาสจากอ�านาจหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้นกรณี
พิพากษาคดีจากศาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่หน่วยงานจะฟ้องเรียกเงินคืนจากข้าราชการก็ควร
(ค�าวินิจฉัยที่ ๖๔/๒๕๕๙) อยู่ในเขตอ�านาจศาลปกครอง นอกจากนี้ มีข้อสังเกต
ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ กรรมการวินิจฉัย เกี่ยวกับโทษปรับที่มีลักษณะเป็นโทษปรับทางปกครอง
ชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลและผู้เข้าร่วมประชุมจาก ซึ่งในปัจจุบันผู้ยกร่างกฎหมายมีแนวคิดจะให้ไปอยู่ในเขต
หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมีข้อสังเกตโดยสรุปดังนี้ ศาลปกครองทั้งหมดต่อไป