Page 68 - Q2-ManualConsult ภ.2
P. 68

57                                                                                                        58




       การที่สมาชิกรูสึกวาไดชวยเหลือบุคคลอื่น เชน การใหคําแนะนําแกเพื่อนสมาชิกในการ  ความรูสึกผูกพันเปนอันหนึ่งอันเดียวกันความรูสึกอันเปนสากล การไดระบายอารมณความรูสึก การรูสึก
 แกปญหาที่ตนเองเคยประสบมากอน และเพื่อนสมาชิกในกลุมรับฟงอยางตั้งใจ ทําใหเกิดความรูสึก  ไดทําประโยชนใหกับผูอื่นและไดรับขอมูลใหกับตนเอง โดยที่ปจจัยบําบัดตัวหนึ่งอาจเปนพื้นฐานตอ

                                                                                            271
 ภาคภูมิใจในตนเอง เปนตน   ปจจัยอีกตัวหนึ่งไดหรือเอื้อใหเกิดปจจัยบําบัดตัวตอไปไมสามารถแยกออกจากกันได สวนลักษณะของ
       ๒.๕) การแกไขประสบการณเดิมในครอบครัว (corrective  recapitulation  of  the   บุคคลก็สงผลตอการเกิดปจจัยบําบัดที่แตกตางกัน เชน สมาชิกกลุมที่มีอายุมากกวาจะทําใหเกิด
 family group)   สัมพันธภาพในกลุม เกิดความรูสึกผูกพันเปนอันหนึ่งอันเดียวกันมากกวาสมาชิกกลุมที่มีอายุนอย

       กลุมบําบัดจะชวยใหสมาชิกไดมีโอกาสสํารวจตนเองและเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับแบบแผน  นอกจากนั้นปจจัยบําบัดที่เกิดขึ้นนี้ขึ้นอยูกับชนิดของกลุม ซึ่งกลุมที่จัดขึ้นในแตละกลุมก็จะมีลักษณะที่

 สัมพันธภาพในครอบครัว การมีประสบการณที่ไมดีหรือมีปมขัดแยงมากอนในครอบครัว กลุมจะเปด  แตกตางกัน วัตถุประสงคไมเหมือนกัน หรือแมแตภายใตกลุมเดียวกัน สมาชิกกลุมที่มีอาการแตกตางกัน
 โอกาสใหสมาชิกกลุมไดปรับเปลี่ยนความคิดพฤติกรรมในแงลบเหลานั้นใหดีขึ้น ไมวาจะเปนกับพอแม  ก็จะไดรับปจจัยบําบัดที่แตกตางกัน (Yalom,  1995)  ลักษณะการจัดกลุมแบงไดหลายแบบขึ้นอยูกับ

 หรือพี่นอง   วัตถุประสงคของกลุม เชน ถาแบงตามลักษณะของสมาชิกกลุม กลุมที่มีปญหาคลายคลึงกัน หรือกลุม

       ๒.๖) การพัฒนาเทคนิคเพื่อการเขาสังคม (development of social techniques)    โรคเดียวกัน (homogeneousgroup)  มีประโยชนในดานการปรับตัวการดําเนินชีวิต การแกไขปญหา
       การที่สมาชิกไดมีปฏิสัมพันธกับคนอื่นเปนการฝกทักษะทางสังคม นอกจากนี้การได  ในเรื่องหรือสถานการณเดียวกัน เชน กลุมสมาชิกกลุมใชสารเสพติดกลุมสมาชิกกลุมโรคซึมเศรา เปนตน

 สังเกตเห็นบุคคลอื่นมีปฏิสัมพันธตอกันสามารถนํามาเปนแบบอยางที่ดีใหกับตนเองไดและไดลองมี  กลุมลักษณะเชนนี้จะทําใหสมาชิกรูสึกปลอดภัย ในการพูดคุยปญหาของตนและเปนการลดความอายที่

 ปฏิสัมพันธใหมกับบุคคลอื่น ภายใตบรรยากาศของกลุมที่มีการยอมรับ สนับสนุนและรับฟงความคิดเห็น  จะพูดเกี่ยวกับปญหาของตน สวนลักษณะสมาชิกกลุมที่มีปญหาตางกัน (heterogeneous  group)
 ของคนอื่นทําใหสมาชิกกลุมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น   คัดเลือกสมาชิกกลุมที่มีปญหาตางกัน การวินิจฉัยโรคตางกันจุดมุงหมายของกลุมเพื่อใหสมาชิกไดเกิด

       ๒.๗) การเลียนแบบพฤติกรรม (imitativebehavior)    การเรียนรูทางสังคมและทักษะการแกปญหาอยางหลากหลายมุมมองที่แตกตางกันออกไปในแตละบุคคล
       สมาชิกกลุมเกิดการเลียนแบบบุคลิกภาพจากสมาชิกดวยกัน หรือจากผูนํากลุมที่ตนเอง   ถาแบงกลุมบําบัดตามลักษณะการเขาออกของสมาชิกก็แบงไดเปน 2 ลักษณะคือ กลุมเปด

 พึงพอใจ โดยผานการสังเกตการมีปฏิสัมพันธของคนอื่นวาไดรับการตอบสนองอยางไร   (opened group) และกลุมปด (closed group)

       ๒.๘) การระบายอารมณ (catharsis)          กลุมเปด คือกลุมที่มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกกลุมอยูตลอดเวลา รับสมาชิกใหมเขามาใน
       สมาชิกในกลุมไดระบายความคิดความรูสึก การปลดปลอยอารมณที่เก็บกดไวทําใหเกิด  กลุมและสมาชิกเกาบางคนอาจออกไปเนื่องจากกลับบาน ดังนั้นการดําเนินกลุมจึงเปนการดําเนินกลุมให

 ความรูสึกโลงสบายและทําใหเกิดการเรียนรูวิธีการแสดงอารมณที่เหมาะสม   แลวเสร็จภายในครั้งเดียวและมีการเริ่มกระบวนการกลุมใหมทุกครั้ง การทํากลุมในสมาชิกกลุมในมักจะ

       ๒.๙) การเรียนรูความจริงอันเปนสัจธรรม (existential factors)    เปนแบบนี้เนื่องจากลักษณะอาการและระยะเวลาที่รักษาตัวอยูในโรงพยาบาลไมเทากัน
       สมาชิกกลุมจิตเวชอาจมีความคาดหวังกับชีวิต ชีวิตตองสวยงาม สมหวัง ซึ่งไมไดเปน        กลุมปดจะเปนลักษณะที่จํานวนสมาชิกคงที่ ไมเปดรับสมาชิกใหม สมาชิกจะเขากลุม

 จริงเสมอไป ทําใหสมาชิกไดเกิดการเรียนรูและเขาใจความเปนจริงของชีวิตจากการฟงประสบการณของ  รวมกันตามจํานวนครั้งที่กําหนด กลุมปดมีประโยชนมากสําหรับการทํากลุมที่เนนใหเกิดการเปลี่ยนแปลง
 สมาชิกในกลุม   ระดับโครงสรางของบุคลิกภาพสวนใหญกลุมปดจะจัดใหกับสมาชิกกลุมในโรงพยาบาลกลางวันมากกวา

                                                                                          282
       ๒.๑๐)  ความรูสึกผูกพันเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน (cohesiveness)    เนื่องจากมีอาการที่ดีสามารถดูแลตนเองใหมาเขากลุมตามระยะเวลาที่กําหนดได การเขาใจลักษณะ
       การเขารวมกลุมทําใหสมาชิกไดรูสึกวาตนเองเปนสวนหนึ่งของกลุมเกิดความผูกพันกับ  สมาชิกกลุมจะทําใหเรากําหนดวัตถุประสงคในการทํากลุมไดชัดเจนมากขึ้น และการทํากลุมของสมาชิก
 เพื่อนสมาชิกในกลุม รับรูวาเปนพวกเดียวกัน มีเปาหมายอันเดียวกัน ซึ่งปจจัยนี้เปนปจจัยสําคัญในการ  กลุมในมีความแตกตางกับกลุมสมาชิกกลุมนอก

 รักษาที่จะทําใหเกิดประสิทธิภาพสูงสุด         ในกรณีเด็กหรือเยาวชนที่มีพฤติกรรมกระทําผิดจากสาเหตุทางจิตเวช อาจนําเขาสู

       ๒.๑๑) การเรียนรูวิธีที่จะติดตอและสรางความสัมพันธกับบุคคลอื่น (interpersonal   กระบวนการกลุมจิตบําบัดในลักษณะโครงการตาง ๆ ซึ่งตองประสานผูมีความรูความเขาใจในเรื่องนี้
 learning)   เขารวมสังเกตการณหรือเขามามีบทบาทเปนผูนํากลุม ซึ่งเปนวิธีการหนึ่งที่ทําใหเด็กและเยาวชนที่

       กลุมถือวาเปนสังคมจําลองใหสมาชิกไดมีโอกาสฝกฝนเพื่อใหเกิดพฤติกรรมใหมที่  กระทําผิดจากสาเหตุทางจิตเวชไดรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยผูเชี่ยวชาญ

 เหมาะสมมากขึ้น
        ปจจัยบําบัดที่เกิดขึ้นจะคอยๆ เกิดอยางชาๆ และใชเวลานานพอสมควร ปจจัยบําบัดที่

 เกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นไมครบทั้งหมดขึ้นอยูกับหลายปจจัย เชน ลักษณะของสมาชิกกลุม ระยะเวลา   27  เพิ่งอาง.

 ไดนามิกของกลุม ความเชี่ยวชาญหรือลักษณะของผูนํากลุม โดยสวนใหญปจจัยบําบัดที่เกิดขึ้นบอยคือ   28  เพิ่งอาง.


                                                                                                 คู่มือปฏิบัติงาน
                                                                                   การด�าเนินงานตามมาตรการพิเศษ  ๖๗
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73