Page 60 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 60
56
แต่ผู้คัดค้านยังมิได้เบิกจ่ายค่าจ้างให้เพราะพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ตรวจสอบภายในของผู้คัดค้านตรวจพบว่าเอกสารหลักฐาน
ประกอบการเบิกจ่ายเงินไม่ครบถ้วน นายอ าเภอพ.ได้จัดการให้แล้ว ยังขาดอยู่เฉพาะที่เป็นบันทึกต่อท้ายสัญญาเกี่ยวกับการ
ที่มีการเปลี่ยนแปลงฐานรากสะพานจากฐานรากเสาเข็มเป็นฐานรากแผ่ เนื่องจาก พบว่า บริเวณล าคลอง มีหินขนาดใหญ่
จ านวนมาก ยากแก่การที่จะก่อสร้างฐานรากเสาเข็มสัญญา และผลการทดสอบดินบริเวณดังกล่าวสามารถก่อสร้างเป็น
ฐานรากแผ่ได้ คณะกรรมการตรวจการจ้างจึงได้อนุญาตให้ผู้รับจ้างก่อสร้างเป็นฐานรากแผ่ตามแบบ ซึ่งผู้รับจ้างก็ได้
ด าเนินการก่อสร้างสะพานเป็นแบบฐานรากแผ่ ตามแบบจนแล้วเสร็จ โดยที่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานราก จะต้องมีการ
บันทึกแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโดยลงนามคู่สัญญาไว้ด้วย ซึ่งฝ่ายผู้ว่าจ้างนั้น จะต้องลงนามเอง แต่นายอ าเภอพ. ยังไม่ได้เสนอ
ต่อผู้คัดค้าน ให้พิจารณาอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาแต่อย่างใด และปรากฏต่อมาว่า หลังจากผู้รับจ้างท าหนังสือส่งมอบ
งาน และขอให้ผู้คัดค้านพิจารณาจ่ายค่างานโดยยื่นผ่านนายอ าเภอพ. ไว้แล้ว ผู้รับจ้างก็ไม่มาติดต่อกับทางราชการอีก
ผู้คัดค้าน ก็ได้ท าหนังสือแจ้งให้ผู้รับจ้างมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อลงนามแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา แต่ผู้รับจ้างก็ไม่มา อนึ่ง ในการ
เปลี่ยนแปลงฐานรากสะพาน จากฐานรากเสาเข็มเป็นฐานรากแผ่ ท าให้ค่าก่อสร้างลดลง เพื่อประโยชน์แก่ราชการ
ผู้คัดค้านได้ตกลงให้ลดราคาค่างานก่อสร้างลงสัญญาละ ๕๙,๘๖๒ บาท แต่การปรับลดค่างานก่อสร้างลงนี้ นายอ าเภอ พ.
ก็ยังมิได้มีการเสนอเรื่องให้ผู้คัดค้านพิจารณาอนุมัติแต่อย่างใด ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมานี้ เห็นได้ว่า การก่อสร้าง
สะพานตามสัญญาจ้างสองฉบับดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้การก ากับดูแลของนายอ าเภอพ.นั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงฐานราก
สะพานจากที่ก าหนดไว้เดิมเป็นฐานรากเสาเข็ม ให้เป็นฐานรากแผ่ เป็นผลให้มีการลดค่างานก่อสร้างลง สัญญาละ
59,862 บาท ค่าจ้างตามสัญญาจึงลดลงเป็น 2,000,138 บาท และ 1,989,138 บาท ตามล าดับ ซึ่งก็ท าได้ตามข้อ 16
ของสัญญาจ้างทั้งสองสัญญา ส่วนพฤติการณ์ที่ว่าผู้รับจ้างได้ท าการก่อสร้างสะพานตามสัญญาที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานรากใหม่
จนแล้วเสร็จ และส่งมอบงานได้เป็นที่เรียบร้อยนั้น ย่อมแสดงว่า ผู้รับจ้างได้ตกลงด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น
ความเป็นมาทั้งหมดนี้นายอ าเภอพ.อยู่ในฐานะเป็นผู้รู้ดีว่า ควรจะต้องจัดท าบันทึกแนบท้ายสัญญา แสดงการตกลงแก้ไข
เพิ่มเติมสัญญา ให้ผู้รับจ้างลงนาม และเสนอให้ผู้คัดค้าน อนุมัติและลงนามไว้เสียตั้งแต่แรกให้เรียบร้อยก่อนที่ผู้รับจ้าง
ส่งมอบงาน เมื่อไม่จัดท าในสิ่งที่ควรท าเสียแต่แรก จึงขาดเอกสารหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงินและเกิดข้อพิพาทนี้ขึ้น
อย่างไรก็ดี การก่อสร้างตามสัญญาทั้งสองฉบับนี้ เมื่อคณะกรรมการตรวจการจ้าง ตรวจรับงานก็ได้เห็นแล้วว่าถูกต้องตรงตาม
สัญญาจึงลงนามรับมอบงาน และเมื่อนายอ าเภอพ.รายงานต่อผู้คัดค้านและขอให้เบิกจ่ายเงินตามสัญญา ผู้คัดค้านก็มิได้
ทักท้วงในประเด็นผลงานการก่อสร้าง การที่ผู้คัดค้านยังอนุมัติจ่ายค่าจ้างไม่ได้ก็เพียงเพราะเห็นว่าเอกสารหลักฐาน
ประกอบการเบิกจ่ายไม่ครบถ้วนโดยขาดบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาที่จะต้องลงนามคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
ตามหนังสือของผู้คัดค้าน แจ้งไปยังหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ศ. ผู้รับจ้าง ลงวันที่ ๘ ตุลาคม 2558
ก็มีข้อความบ่งชัดว่า หน่วยงานตรวจสอบภายในจังหวัดมีความเห็นควรแก้ไขสัญญาก่อสร้างเหล่านั้น และผู้คัดค้าน
พิจารณาแล้ว ก็เห็นควรแก้ไขสัญญาตามความเห็นของหน่วยตรวจสอบภายในจังหวัด จึงขอให้หุ้นส่วนผู้จัดการของห้าง
หุ้นส่วนจ ากัด ดังกล่าวไปพบ เจ้าหน้าที่ เพื่อรับทราบและลงนามในบันทึกแนบท้ายสัญญาฯ ดังนี้ เห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติม
สัญญาทั้งสองฉบับในข้อพิพาทนี้ ทั้งฝ่ายผู้รับจ้างและผู้ว่าจ้าง ได้เห็นชอบด้วยกันแล้วโดยปริยาย ซึ่งมีผลเท่ากับได้ท าบันทึก
แนบท้ายสัญญาแล้วนั่นเอง ผู้คัดค้านจะอ้างว่า ผู้รับจ้างไม่มีเอกสารหลักฐานการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา และถือเป็นเหตุปฏิเสธ
การเบิกจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้เรียกร้องหาได้ไม่ นอกจากนี้ฝ่ายผู้คัดค้านมีนางก. นายบ. นายส. ข้อเท็จจริงที่เบิกความ
สอดคล้องกับเอกสาร ฝ่ายผู้เรียกร้องก็ไม่ซักค้านให้เห็นเป็นอย่างอื่น ค าพยานฝ่ายผู้คัดค้านจึงมีน้ าหนักฟังได้ว่า ผู้รับจ้าง
ได้รับอนุญาตจากผู้คัดค้านให้ขยายระยะเวลาสัญญาจ้างออกไป 180 วัน สิ้นสุดสัญญาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2555 ท าการ
ก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่งมอบงานได้วันที่ 14 สิงหาคม 2557 และในที่นี้ถือได้ว่าวันส่งมอบงานนั่นเองเป็นวันท างานแล้วเสร็จจริง
ซึ่งเป็นการส่งมอบงานล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับการขยายออกไป 639 วัน จากข้อเท็จจริงดังกล่าวท าให้วินิจฉัยได้ว่า