Page 57 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 57
53
ด าเนินการให้แล้วเสร็จภายในก าหนดเวลาดังกล่าว อันถือได้ว่าผู้คัดค้านได้ตกลงขยายระยะเวลาการก่อสร้างให้แก่ผู้เรียก
ร้องไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2559 ดังนั้นสัญญาระหว่างผู้เรียกร้องและผู้คัดค้านยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป เมื่อได้
ความว่ามีงานก่อสร้างวางท่อประปาส่วนหนึ่งอยู่ในเขตทางหลวงที่ผู้คัดค้านมิได้ขออนุญาตก่อสร้างต่อหน่วยงานเจ้าของพื้นที่
ย่อมเป็นเหตุให้ผู้เรียกร้องไม่สามารถเข้าไปด าเนินการก่อสร้างตามสัญญาในเขตพื้นที่ดังกล่าวได้ เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนต่อ
กฎหมายและมีโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 37 วรรคสาม มาตรา 48 และมาตรา
70 ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ด าเนินการให้ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อ านวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจาก
ผู้อ านวยการทางหลวงเพื่อให้ผู้เรียกร้องเข้าไปก่อสร้างตามสัญญาได้ แต่ผู้คัดค้านกลับเพิกเฉยมิได้ด าเนินการดังกล่าวโดย
ไม่ปรากฏเหตุผลอันสมควรแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังมีเหตุอันควรเชื่อจากค าให้การของพยานผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้
ทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่ามีงานก่อสร้างวางท่อประปาตามสัญญาความยาวประมาณถึง 1,100 เมตร ซึ่งเป็นเนื้องานงวดที่
1 ตามสัญญาอยู่ในเขตทางหลวง จึงควรที่ผู้คัดค้านจะต้องด าเนินการขออนุญาตก่อสร้างต่อหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ให้
เรียบร้อยก่อนมีการท าสัญญาว่าจ้างผู้เรียกร้อง การที่ผู้คัดค้านท าสัญญาว่าจ้างผู้เรียกร้องโดยมิได้ด าเนินการขออนุญาต
ก่อสร้างต่อหน่วยงานเจ้าของพื้นที่จึงเป็นความบกพร่องของผู้คัดค้านที่ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโดยมีอุปสรรคและรบกวนสิทธิ
ของผู้เรียกร้องในการที่จะปฏิบัติตามสัญญา การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวคิดเป็นเนื้องานเพียงเล็กน้อย
ของเนื้องานทั้งหมดตามสัญญา ผู้เรียกร้องยังสามารถที่จะด าเนินการในส่วนงานงวดอื่นได้นั้น เมื่อผู้คัดค้านยังส่งมอบพื้นที่
ในสภาพที่ผู้เรียกร้องไม่สามารถด าเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามสัญญาได้ ผู้คัดค้านย่อมไม่อาจจะอ้างดังกล่าวได้
เพราะนอกจากจะไม่ปรากฏในสัญญาจ้างโดยแจ้งชัดให้ผู้เรียกร้องต้องกระท าเช่นนั้นแล้ว ยังไม่สอดคล้องกับหลักการบริหาร
ที่ดีที่หน่วยงานราชการควรจะมีความพร้อมในการปฏิบัติตามสัญญาให้ถูกต้องก่อนแล้วจึงให้ผู้เรียกร้องซึ่งเป็นเอกชนและ
เป็นคู่สัญญาปฏิบัติตามสัญญาได้ ดังนั้นความล่าช้าจึงเป็นความผิดของผู้คัดค้านรวมอยู่ด้วยในการปฏิบัติตามสัญญาและ
เป็นความผิดหรือความบกพร่องที่เกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งการจ้าง ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่ต้องด าเนินการให้มีการอนุญาตให้
เข้าไปท าการก่อสร้างในเขตทางหลวงและมีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องขยายก าหนดเวลาการก่อสร้างออกไปก่อนด้วย แต่ผู้
คัดค้านมิได้กระท าการดังกล่าวและกลับบอกเลิกสัญญากับผู้เรียกร้องโดยอ้างว่ามีเหตุให้เชื่อได้ว่าผู้เรียกร้องไม่สามารถ
ท างานให้แล้วเสร็จภายในก าหนดเวลาวันที่ 30 มีนาคม 2559 เป็นการไม่ชอบ ผู้คัดค้านจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา หาใช่
ผู้เรียกร้องเป็นฝ่ายผิดสัญญาตามข้อเรียกร้องแย้งของผู้คัดค้านแต่อย่างใด
ประเด็นข้อพิพำทที่ 2 ว่า ผู้เรียกร้องมีสิทธิเรียกร้องค่าจ้าง ค่าเสียหาย และหนังสือหลักประกันคืนจาก
ผู้คัดค้านหรือไม่ เมื่อได้ความดังได้วินิจฉัยมาในประเด็นข้อ 1 ว่า ผู้คัดค้านเป็นฝ่ายผิดสัญญาผู้เรียกร้องย่อมมีสิทธิเรียก
ค่าจ้าง ค่าเสียหาย และหนังสือหลักประกันที่ได้ให้ไว้คืนจากผู้คัดค้านได้ โดยค่าจ้างที่ผู้เรียกร้องอ้างว่าได้ด าเนินการ
ก่อสร้างแล้วเสร็จไปบางส่วนของงานงวดที่ 1 งวดที่ 2 งวดที่ 3 และงวดที่ 4 คิดเป็นเงินจ านวน 5,500,000 บาท นั้น
ผู้คัดค้านน าสืบปฏิเสธว่า งานดังกล่าวเป็นการวางท่อประปาใต้ดิน อาจมีรอยรั่วซึม ส่งผลให้แรงดันน้ าไม่ผ่านมาตรฐานตามที่
การประปาส่วนภูมิภาคก าหนด เห็นว่า เป็นเพียงความเห็นหรือการคาดการณ์ของผู้คัดค้านโดยไม่ปรากฏจากบันทึก
ข้อความของผู้ควบคุมงานที่เสนอต่อประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างหรือมีหลักฐานอันควรเชื่อถือได้สนับสนุน ข้ออ้าง
ของผู้คัดค้านจึงไม่อาจรับฟังได้ ดังนั้น แม้จะยังไม่ได้มีการส่งมอบงานให้แก่ผู้คัดค้านรับไว้ใช้ประโยชน์ เมื่อผู้คัดค้านเป็น
ฝ่ายผิดสัญญาผู้เรียกร้องย่อมมีสิทธิเรียกค่าจ้างดังกล่าวเป็นค่าเสียหายจากผู้คัดค้านได้ เมื่อตามสัญญาจ้างระหว่าง
ผู้เรียกร้องกับผู้คัดค้านตกลงค่าจ้างทั้งหมดเป็นเงิน 11,985,000 บาท และได้ความตามทางน าสืบของผู้คัดค้านว่า
ผู้เรียกร้องได้ท างานโดยมีผลงานเพียงร้อยละ 33 ของเนื้องานตามสัญญา เมื่อคิดเทียบส่วนกับค่าจ้างจ านวน
11,985,000 บาท แล้ว งานที่ผู้เรียกร้องได้ท าไปคิดเป็นเงินจ านวน 3,955,050 บาท จึงเห็นสมควรก าหนดให้
ผู้คัดค้านรับผิดในเงินจ านวนดังกล่าวแก่ผู้เรียกร้องพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่ผู้เรียกร้องยื่น