Page 54 - บทคัดย่อเล่ม 3

50

รายการก็มีรูปแบบการก่อสร้างที่เป็นแบบคานลอยอยู่แล้ว รวมถึงการก่อสร้างส่วนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งผู้เรียกร้องในฐานะ
ผู้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างสามารถก่อสร้างตามรูปแบบรายการตามเทคนิค วิธีการทางวิศวกรรมได้ โดยผู้เรียกร้อง
ไม่ได้รับผลกระทบและหรือการก่อสร้างรูปแบบรายการก็ไม่ท าให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่นักเรียนตามข้อกล่าวอ้างแต่
อย่างใด และตามสัญญาจ้างพิพาทเป็นสัญญาที่มุ่งหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการและประชาชนในการให้บริการ
สาธารณะ จึงเป็นสัญญาทางปกครองที่ก าหนดให้สิทธิแก่ส่วนราชการที่สามารบอกเลิกสัญญาได้เพียงฝ่ายเดียว ผู้รับจ้างจึง
ไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้ เพราะการบอกเลิกสัญญาย่อมมีผลต่อการให้บริการสาธารณะของส่วนราชการ อีกทั้งการ
บอกเลิกสัญญาของผู้เรียกร้องก็มิได้เกิดปัญหาตามข้อกล่าวอ้างของผู้เรียกร้องจนถึงขนาดที่ผู้เรียกร้องจะไม่ท าการก่อสร้าง

ต่อไปได้ ตลอดจนการก่อสร้างตามรูปแบบรายการต่อไปก็ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของอาคารแต่อย่างใด
ดังนั้น การที่ผู้เรียกร้องไม่ด าเนินการก่อสร้างตามสัญญา และบอกเลิกสัญญาจึงน่าจะเกิดจากปัจจัยอื่นที่
เกิดขึ้นในส่วนของผู้เรียกร้องเอง การที่ผู้เรียกร้องบอกเลิกสัญญาจึงเป็นการใช้สิทธิที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายปกครอง และไม่
ชอบด้วยข้อสัญญา และไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริง และผู้เรียกร้องมีหน้าที่ต้องด าเนินการก่อสร้างต่อไปจนแล้วเสร็จ
ตามสัญญาจ้างพิพาท ข้อ ๓. ผู้เรียกร้องได้วางหลักประกันเป็นแคชเชียร์เช็ค ธนาคาร ก. เป็นเงินจ านวน
๗๒๒,๔๙๙.๒๕ บาท ซึ่งผู้คัดค้านได้น าแคชเชียร์เช็คไปขึ้นเงินและน าเงินฝากส านักงานเขตพื้นที่เขตการศึกษาฯ ในวันที่ ๑๔
กันยายน ๒๕๖๑ ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงไม่อาจรับผิดช าระเงินจ านวน ๗๒๒,๔๙๙.๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามข้อเรียกร้องได้
เมื่อผู้คัดค้านไม่อาจรับผิดช าระเงินแก่ผู้เรียกร้องตามข้อเรียกร้องได้ ผู้คัดค้านจึงไม่อาจตกเป็นผู้ผิดนัด และต้องช าระ
ดอกเบี้ย (ถ้ามี) ให้แก่ผู้เรียกร้องได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้เรียกร้องได้หยุดการด าเนินการก่อสร้างตามสัญญาพิพาท ผู้คัดค้านอยู่ระหว่าง
การพิจารณาการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญากับผู้เรียกร้อง ซึ่งเมื่อผู้คัดค้านพิจารณาบอกเลิกสัญญาจ้างแล้ว ผู้คัดค้านในฐานะ
ส่วนราชการที่มีหน้าที่ให้บริการก็จ าเป็นต้องใช้อาคารเรียนในการให้บริการตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายในการให้
การศึกษาแก่ประชาชน และเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ผู้คัดค้านจึงจ าเป็นต้องว่าจ้างผู้รับจ้าง
รายใหม่ให้ด าเนินการก่อสร้างอาคารเรียนพิพาทให้แล้วเสร็จตามสัญญาเพื่อให้ด าเนินการให้บริการสาธารณะของผู้คัดค้าน
สามารถด าเนินการต่อไปได้อย่างลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของทางราชการและลุล่วงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่
โดยหากผู้คัดค้านต้องท าการว่าจ้างผู้รับจ้างรายใหม่โดยมีค่าจ้างสูงเกินกว่าวงเงินตามสัญญาจ้างพิพาท ผู้เรียกร้องก็ต้อง
รับผิดชอบส่วนต่างดังกล่าวตลอดจนค่าปรับ ค่าควบคุมงาน และค่าเสียหายอื่น ๆ (ถ้ามี) ตามสัญญาข้อ ๕. ข้อ ๑๕. และ

ข้อ ๑๖ นอกจากนี้ ผู้คัดค้านยังมีสิทธิที่จะบังคับเอากับหลักประกันสัญญาตามสัญญาข้อ ๓. ข้อ ๑๖. และข้อ ๑๗.
ผู้คัดค้านจึงยังมีสิทธิยึดหน่วงหลักประกันไว้ได้
คณะอนุญาโตตุลาการได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่คู่พิพาททั้งสองฝ่ายน าสืบกันแล้วเห็นว่า การที่ผู้เรียก
ร้องไม่เข้าไปด าเนินการก่อสร้างอาคารเรียนตามสัญญาจ้าง โดยอ้างว่าจ านวนดินถมซึ่งจะต้องใช้จริงมีปริมาณถึง ๘๑๗
ลูกบาศก์เมตร เกินกว่าจ านวนที่ก าหนดไว้ใน BOQ จ านวน ๑๑๗ ลูกบาศก์เมตร ผู้เรียกร้องจึงได้ขอให้ผู้คัดค้านขออนุมัติ
เพิ่มให้ แต่ผู้คัดค้านแจ้งว่าไม่มีงบประมาณให้ตามที่ผู้เรียกร้องขอ ผู้เรียกร้องจึงบอกเลิกสัญญาและขอคืนเงินหลักประกัน
นั้น เห็นว่า แม้จ านวนดินถมจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ความมั่นคงแข็งแรงของตัวอาคารอยู่บนฐานรากซึ่งได้แก่เสาเข็ม
และคานคอดิน ไม่ใช่อยู่ที่ดินถมซึ่งการก่อสร้างอาคารตามสัญญาจ้างนี้ ใช้เสาเข็มอัดแรง (คอร.) ขนาด ๐.๒๒/๐.๒๒/
๒๑.๐๐ ม. จ านวนถึง ๑๑๔ ต้น และเมื่อมีการเทตอม่อ (Footing) และคานคอดินตามแบบก่อสร้างแล้ว ก็น่าจะมีความ

มั่นคงแข็งแรง ไม่จ าเป็นจะต้องใช้ดินถมตามจ านวนที่ผู้เรียกร้องแจ้งขอเพิ่มไปยังผู้คัดค้าน ส่วนข้ออ้างของผู้เรียกร้องที่อ้าง
ว่าไม่ถมดินตามจ านวนดังกล่าวจะเป็นปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างอื่นได้ เช่น งานตอกเสาเข็ม หล่อตอม่อ หล่อคานนั้น
เห็นว่าไม่อาจจะรับฟังได้เพราะการแก้ปัญหาทางด้านวิศวกรรมการก่อสร้างมีหลายอย่าง วิธีซึ่งผู้เรียกร้องเองก็เบิกความรับ