Page 73 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 73

69



               27. ข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 148/2560

               ประเด็นข้อพิพำท       :  1. ผู้เรียกร้องมีสิทธิเลิกสัญญำหรือไม่
                                        2. ผู้คัดค้ำนต้องรับผิดต่อผู้เรียกร้องหรือไม่ เพียงใด

                              ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ควำมว่ำ ผู้เรียกร้องได้ตกลงท าสัญญาจะซื้อขายอาคารชุดกับผู้คัดค้านเป็น
               จ านวน 2 ห้อง รวมเป็นเงินจ านวน 3,550,000 บาท ซึ่งในการท าสัญญาจะซื้อขายอาคารชุดดังกล่าว ผู้เรียกร้องได้ช าระ

               เงินค่ามัดจ าในวันท าสัญญาเป็นเงินจ านวน 1,420,000 บาท และต่อมาผู้เรียกร้องได้ช าระเงินค่าซื้อห้องชุดดังกล่าวให้แก่
               ผู้คัดค้านอีกเป็นเงินจ านวน 710,000 บาท ดังนั้น จึงเป็นจ านวนเงินที่ผู้คัดค้านได้รับไปจากผู้เรียกร้องรวม 2,130,000 บาท
               ตามสัญญาผู้คัดค้านรับจะท าการก่อสร้างอาคารชุดให้แล้วเสร็จและส่งมอบให้แก่ผู้เรียกร้องเข้าพักอาศัยได้ในเดือนมีนาคม
               2558 พร้อมกับให้ผู้เรียกร้องช าระเงินค่าซื้อขายอาคารชุดที่ค้างช าระให้แก่ผู้คัดค้านอยู่อีกเป็นเงินจ านวน 1,420,000 บาท
               เมื่อถึงก าหนดเวลาที่ผู้คัดค้านต้องส่งมอบอาคารชุดทั้งสองห้องตามสัญญาในเดือนมีนาคม 2558 ผู้เรียกร้องได้แจ้งไปยัง
               ผู้คัดค้านให้ส่งมอบอาคารชุดให้แก่ผู้เรียกร้อง แต่อาคารชุดตามสัญญายังไม่ได้ก่อสร้าง โดยผู้คัดค้านเพียงแต่อ้างเหตุผลว่า
               ความล่าช้าในการก่อสร้างและส่งมอบอาคารเกิดจากสภาวะภูมิอากาศและสภาพพื้นที่ในการก่อสร้างท าให้ต้องใช้ความ
               ระมัดระวังเป็นอย่างสูง


               ค ำวินิจฉัยชี้ขำด
                              ประเด็นที่ 1 ผู้เรียกร้องมีสิทธิเลิกสัญญาหรือไม่ อนุญาโตตุลาการพิจารณาแล้วเห็นว่าที่ผู้คัดค้าน
               ไม่สามารถส่งมอบอาคารชุดทั้งสองห้องตามสัญญาในเดือนมีนาคม ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้ผิดสัญญา ท าให้ผู้เรียกร้องมีสิทธิเลิก
               สัญญาได้ ข้อเท็จจริงปรากฏต่อว่าผู้เรียกร้องได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังผู้คัดค้าน ซึ่งผู้คัดค้านก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าการ
               บอกเลิกสัญญาไม่ชอบ เพียงแต่ต่อสู้ว่าตนประสงค์จะคืนเงินที่เคยรับไว้ตามสัญญา แต่ผู้เรียกร้องไม่ได้กรอกข้อความให้
               ครบถ้วนเท่านั้น ดังนั้นอนุญาโตตุลาการเห็นว่า ผู้เรียกร้องได้บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้ว การกรอกข้อความรายละเอียด
               ในการรับเงินไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการเลิกสัญญาแต่อย่างใด
                              ประเด็นที่ 2 ผู้คัดค้านต้องรับผิดต่อผู้เรียกร้องหรือไม่ เพียงใด อนุญาโตตุลาการเห็นว่าเมื่อได้มีการบอก

               เลิกสัญญา คู่สัญญาจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคหนึ่ง ดังนั้น
               ผู้คัดค้านจึงต้องคืนเงินซึ่งผู้คัดค้านได้รับไปจากผู้เรียกร้องจ านวน 2,130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
               ตั้งแต่เวลาที่ได้รับไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 โดยจะคิด
               ดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยไม่ได้ ซึ่งในค าเสนอข้อพิพาทผู้เรียกร้องประสงค์จะเรียกดอกบี้ย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2557
               จนถึงวันเสนอข้อพิพาท วันที่ 1 ธันวาคม 2559 เป็นเงินจ านวน 452,625 บาท นอกจากนั้นผู้คัดค้านต้องชดใช้ดอกเบี้ย
               ผิดนัดจากวันเสนอข้อพิพาทถึงวันช าระหนี้ครบถ้วน ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงินต้นเงิน 2,130,000 บาท
               โดยจะคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยไม่ได้
                              ค าชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชดใช้เงินจ านวน 2,130,000 บาท และดอกเบี้ยจ านวน 452,625 บาท และ
               ดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากเงินต้นจ านวน 2,130,000 บาท ตั้งแต่วันเสนอข้อพิพาทเป็นต้นไปจนถึงวันช าระเสร็จ
   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78