Page 76 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 76
72
ค ำวินิจฉัยชี้ขำด
คณะอนุญาโตตุลาการเห็นว่า ผู้คัดค้านเป็นฝ่ายไม่อาจส่งมอบห้องชุดที่ตกลงซื้อขายกันให้กับ
ผู้เรียกร้องได้ภายในก าหนดระยะเวลาตามสัญญา ส่วนสาเหตุที่ผู้คัดค้านอ้างความล่าช้านั้น มิได้เกิดจากความผิดของ
ผู้คัดค้าน แต่เป็นเรื่องของการพิจารณาค าขอของผู้คัดค้านจากทางราชการ ในประเด็นเรื่องนี้ผู้คัดค้านไม่มีพยานจาก
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนมาให้ถ้อยค าสนับสนุนที่ชัดเจนว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง กรณีจึงรับฟังไม่ได้
ว่าเหตุที่ผู้คัดค้านอ้างนั้นมีอยู่จริง ในทางตรงกันข้ามผู้คัดค้านเป็นผู้ประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านการขาย
อาคารชุดย่อมต้องทราบดีถึงกฎข้อบังคับของทางราชการในส่วนที่เกี่ยวกับการออกใบอนุญาต และตามข้อกล่าวอ้างของ
ผู้เรียกร้องที่อ้างว่าผู้คัดค้านทั้งสองด าเนินการก่อสร้างล่าช้าจนคาดหมายได้ว่าผู้คัดค้านทั้งสองจะไม่สามารถก่อสร้างได้
เสร็จตามก าหนดเวลาในสัญญา จึงเป็นเหตุให้ผู้เรียกร้องทั้งสองหยุดการช าระหนี้ตามสัญญานั้นผู้คัดค้านก็ไม่ได้โต้แย้ง
ตั้งแต่เริ่มมีการหยุดการช าระเงินแต่อย่างใด ในขณะที่ผู้เรียกร้องได้ตรวจสอบงานก่อสร้างและจดทะเบียนอาคารชุดตาม
สัญญา ก็ยังไม่ปรากฏการก่อสร้างและการจดทะเบียนอาคารชุดที่พร้อมจะขายได้ตามสัญญาเสร็จเรียบร้อยแต่อย่างใด
พิเคราะห์จากข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วเห็นว่า ผู้เรียกร้องทั้งสองช าระมัดจ าในวันท าสัญญา โดยมีการแบ่งช าระรวม 11 งวด
โดยงวดสุดท้ายจะช าระเมื่อก่อสร้างทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์และได้ออกหนังสืออนุญาตเป็นอาคารชุดตามกฎหมายให้แก่
ผู้คัดค้านที่ 1 แล้ว และดังนั้นแม้สัญญาจะได้ก าหนดระยะเวลาการปลูกสร้างอาคารชุดให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ไว้ แต่ว่า
ภายในระยะเวลาที่ผู้เรียกร้องผ่อนช าระค่างวดมาเป็นล าดับ ผู้คัดค้านไม่ได้ปลูกสร้างอาคารชุดให้มีความก้าวหน้าตาม
สัดส่วนของเงินค่าจ้างที่ผู้คัดค้านได้รับช าระไปแล้ว โดยได้แจ้งขอเลื่อนการส่งมอบห้องอาคารชุดที่พิพาทมาหลายครั้ง
และเมื่อผู้คัดค้านไม่ได้สร้างห้องอาคารชุดที่พิพาทให้แล้วเสร็จตามก าหนดผู้เรียกร้องจึงมอบหมายให้ทนายความให้ตรวจ
ความก้าวหน้าของการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอาคารชุดและออกหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด พบว่ายังไม่เสร็จ จึงให้
ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญา จนผ่านมาเกือบหนึ่งปีที่ผู้คัดค้านทราบ ผู้คัดค้านจึงมาแจ้งว่าได้ปลูกสร้างอาคารชุด
เสร็จแล้วกรณีที่ผู้คัดค้านผิดนัดเลื่อนการส่งมอบห้องอาคารชุดที่พิพาทหลายครั้ง จนผู้เรียกร้องหยุดการช าระเงินค่างวด
และผู้คัดค้านก็รับทราบแล้ว ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้คณะอนุญาโตตุลาการจึงชี้ขาดว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ผิดสัญญา
คณะอนุญาโตตุลาการจึงมีค าชี้ขาดส าหรับกรณีการรับผิดเรื่องจ านวนความเสียหายในคดีนี้
คณะอนุญาโตตุลาการเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายใดใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจ าต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม...." และวรรคสอง
บัญญัติว่า "ส่วนเงินอันจะต้องใช้คืนในกรณีดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น ท่านให้บวกดอกเบี้ยเข้าด้วย คิดตั้งแต่เวลาที่ได้รับ
ไว้" และมาตรา 7 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่า "ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้ก าหนดอัตรา
ดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี" ดังนั้น เมื่อสัญญาว่าจ้างปลูกสร้าง
อาคารชุดมิได้ก าหนดอัตราดอกเบี้ยของเงินที่ผู้คัดค้านจะต้องใช้คืนแก่ผู้เรียกร้องไว้ ผู้คัดค้านจึงต้องเสียดอกเบี้ยแก่
ผู้เรียกร้องในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของจ านวนเงินที่ผู้คัดค้านได้รับช าระแต่ละงวดจนกว่าจะใช้คืนเสร็จแก่ผู้เรียกร้อง
แหล่งที่มำ
ข้อพิพำทหมำยเลขด ำที่ 90/2559
หลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง : ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 7 และ 391 วรรคหนึ่ง
คณะอนุญำโตตุลำกำร : นำยเดชอุดม ไกรฤทธิ์
ผู้ย่อ : วุฒิพงษ์ เกื้อฉิม