Page 81 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 81
77
31. ข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 134/2560
ประเด็นข้อพิพำท : ผู้คัดค้ำนเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ และต้องรับผิดช ำระค่ำเช่ำหรือค่ำเสียหำยให้แก่ผู้เรียกร้อง พร้อม
ดอกเบี้ยหรือไม่ เพียงใด
พิจำรณำพยำนหลักฐำนในข้อพิพำทนี้แล้วข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตำมที่คู่พิพำทรับกันว่ำ ได้ท าสัญญา
ร่วมให้เช่าจริง สัญญาดังกล่าวมีข้อสัญญาก าหนดระยะเวลาการเช่าไว้ 3 ปี 3 เดือน ก าหนดค่าเช่าไว้ที่จ านวน 366,231
บาทต่อปี แต่สัญญาดังกล่าวมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ คู่พิพาทยังเบิกความรับกันอีกว่า ผู้คัดค้าน
ได้จ่ายเงินค่าเช่าในปีแรก จ านวน 366,231 บาทให้แก่ผู้เรียกร้องรับไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 แต่ในปี
2554 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของสัญญาเช่า ผู้คัดค้านมิได้ช าระค่าเช่าจ านวนดังกล่าวให้แก่ผู้เรียกร้อง อันเป็นผิดนัดผิดสัญญา
ผู้เรียกร้องจึงมอบหมายให้ทนายความมีหนังสือลงวันที่ 19 สิงหาคม 2554 ทวงถามให้ช าระและต่อมาได้มีหนังสือลง
วันที่ 19 กันยายน 2554 บอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้คัดค้าน หลังจากนั้นผู้เรียกร้องได้มีหนังสือลงวันที่ 27 ธันวาคม 2554
ยืนยันถึงการบอกเลิกสัญญาและทวงถามค่าเช่าค้างและค่าเสียหาย
ค ำวินิจฉัยชี้ขำด
จากข้อเท็จจริงที่ยุติตามพยานหลักฐานเห็นว่า ตามสัญญาเช่าระบุให้ผู้คัดค้านช าระค่าเช่ารายปีแรกภายใน
15 เดือนนับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2552 และเป็นรายปีหลังจากนั้น ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านได้ช าระค่าเช่าส าหรับปีแรกในวันที่
14 กุมภาพันธ์ 2553 ค่าเช่ารายปีที่สองย่อมถึงก าหนดช าระภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 การที่ผู้คัดค้านมิได้ช าระ
ค่าเช่าปีที่สองภายในก าหนดเวลาดังกล่าว จึงถือว่าผู้คัดค้านเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าแล้ว โดยมิพักต้องเตือน เนื่องจากได้ก าหนด
ระยะเวลาการช าระค่าเช่าไว้แล้ว เมื่อผู้เรียกร้องมีหนังสือลงวันที่ 19 กันยายน 2554 บอกเลิกสัญญา สัญญาให้เช่าร่วมกันจึง
เป็นอันเลิกกัน อนึ่ง แม้สัญญาจะได้ระบุระยะเวลาการเช่าไว้เป็น 3 ปี 3 เดือน แต่เมื่อปรากฏว่าสัญญาเช่ามิได้จดทะเบียนต่อ
พนักงานเจ้าหน้าที่ จึงย่อมมีผลบังคับได้เพียง 3 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 และเนื่องจากสัญญาเช่า
ถูกบอกเลิกก่อนที่สัญญาจะครบก าหนดตามหนังสือบอกเลิกฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2554 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สัญญาเช่า
ฉบับดังกล่าวมีสภาพบังคับระหว่างคู่สัญญาเพียง 2 ปีเศษเท่านั้น ปัญหาว่า การที่ทนายความฝ่ายผู้เรียกร้องได้บอกเลิก
สัญญาตามหนังสือฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2554 นั้น สัญญาย่อมเลิกกัน เมื่อฝ่ายผู้คัดค้านได้รับการแสดงเจตนา
ดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าผู้รับมอบอ านาจฝ่ายผู้เรียกร้องได้แสดงพยานหลักฐานหรือน าสืบให้เห็นว่าผู้คัดค้านได้รับหนังสือ
บอกเลิกเมื่อใด แต่ผู้คัดค้านก็ยอมรับในค าคัดค้านและในค าแถลงการณ์ปิดคดีว่าได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาแล้วและถือว่า
สัญญาเช่าสิ้นสุดลงในวันที่ 19 กันยายน 2554 ทั้งพยานผู้คัดค้านก็เบิกความรับในท านองเดียวกัน กรณีจึงรับฟังได้ว่าสัญญา
เช่าระหว่างผู้เรียกร้องและผู้คัดค้านได้เลิกกันและสิ้นสุดลงในวันที่ 19 กันยายน 2554
จากข้อวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น ผู้เรียกร้องจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเช่าค้างจากผู้คัดค้านส าหรับค่าเช่าค้าง
ในปีที่ 2 และต่อมาจนถึงวันเลิกสัญญา นับจากวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554
เป็นระยะเวลา 1 ปี เป็นเงินค่าเช่า 366,231 บาท และค่าเช่าค้างของปีที่ 3 ก่อนบอกเลิกสัญญานับจากวันที่ 14
กุมภาพันธ์ 2554 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2554 เป็นเวลา 7 เดือน 5 วัน หรือ 217 วัน เป็นเงิน 217,731.85 บาท รวม
เป็นเงินค่าเช่าค้าง 583,962.85 บาท และเนื่องจากค่าเช่าที่ค้างช าระเป็นหนี้เงิน ผู้เรียกร้องจึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อย
ละ 7.5 ต่อปี ตามนัยแห่งมาตรา 224 และมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยให้คิดในต้นเงิน
366,231 บาท นับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไปจนกว่าผู้คัดค้านจะช าระให้แก่ผู้เรียกร้องเสร็จสิ้น