Page 84 - บทคัดย่อเล่ม 3
P. 84
80
๒๕๕๙ (๒๐๑๖) ของทางฝ่ายผู้คัดค้านที่ไม่อาจท้าได้ เมื่อผู้เรียกร้องไม่ได้ด้าเนินการตามกรอบระยะเวลาส้าคัญที่ก้าหนดไว้
แน่นอน และไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัยอื่นใดที่จะจัดท้าไม่ได้ เพราะในปี ๒๕๕๘ ของการจัดการช่วงครึ่งปีหลังผู้เรียกร้องก็ได้
จัดท้ามาแล้ว คณะอนุญาโตตุลาการจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้ออ้างของผู้คัดค้านในเรื่องนี้ฟังขึ้น ถือเป็นสาระส้าคัญของสัญญา
ซึ่งตกลงกันไว้โดยชัดแจ้ง และจะเป็นการท้าให้การบริหารกิจการโรงแรมเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อขาดแผนปฏิบัติการหลัก
ที่จะต้องใช้ ท้าให้เกิดข้อพิพาทโต้แย้งกันมาเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าจ้างพนักงาน ค่าบ้ารุงรักษา เงินที่ต้องลงทุนเพิ่มเติม
เป็นต้นจึงเป็นปัญหาส้าคัญของฝ่ายผู้คัดค้านที่ไม่ได้รับการบริการจากผู้เรียกร้องเต็มที่เหมือนอย่างที่คาดหมายไว้ตาม
สัญญา และตามที่ผู้เรียกร้องเบิกความรับว่าจะบริหารโรงแรมให้ได้มาตรฐานแบบ Deluxe ตามสัญญาการให้ใช้ใบอนุญาต
และค่าลิขสิทธิ์ของผู้เรียกร้อง ผู้เรียกร้องจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาในข้อสาระส้าคัญ พิเคราะห์ตามข้อเท็จจริง พยานเอกสาร
และค้าพยานของคู่พิพาทที่น้าเสนอแล้ว คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่าผู้เรียกร้องมีหน้าที่อย่างส้าคัญที่จะต้องส่งมอบ
แผนปฏิบัติการให้ทันก้าหนดเวลา เพราะเป็นสัญญาที่ถือเอาก้าหนดเวลาและวิธีการปฏิบัติการซึ่งจะต้องส่งมอบให้แก่
ผู้คัดค้านเป็นสาระส้าคัญ เมื่อถึงก้าหนดส่งมอบวิธีปฏิบัติการตามสัญญาผู้เรียกร้องไม่มีวิธีปฏิบัติการที่จะส่งมอบให้
ผู้คัดค้าน เป็นกรณีที่ผู้เรียกร้องละเลยไม่ปฏิบัติการตามสัญญาให้กับผู้คัดค้านในขณะที่ผู้คัดค้านได้ท้าการปรับปรุง จ่ายเงิน
และส่งมอบกิจการโรงแรมให้ผู้เรียกร้องเรียบร้อยแล้วผู้เรียกร้องจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อผู้เรียกร้องผิดนัดไม่น้าส่งภายใน
ก้าหนดเวลาต้องถือว่าผู้เรียกร้องไม่ปฏิบัติการตามเงื่อนไขของสัญญาอย่างส้าคัญ และเมื่อผู้เรียกร้องเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยไม่จ้าต้องมีค้าบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๘๘ ซึ่งใน
ข้อพิพาทนี้ผู้คัดค้านได้ใช้ทั้งสิทธิบอกเลิกตามสัญญา และการเข้าครอบครองทรัพย์สินของตนโดยทันทีเมื่อเห็นว่า
ผู้เรียกร้องฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามสาระส้าคัญของสัญญาจึงเป็นการเลิกสัญญาตามบทบัญญัติของมาตรา ๓๘๘ แห่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยชอบแล้ว
ผู้เรียกร้องมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้คัดค้านช าระค่าสินไหมทดแทนแทนการบอกเลิกสัญญาหรือไม่
ข้อเท็จจริงตามข้อเรียกร้องในประเด็นนี้มีว่า เนื่องจากผู้คัดค้านได้ส่งหนังสือบอกกล่าวแจ้งการบอกเลิก
สัญญาบริหารโรงแรมมายังผู้เรียกร้อง เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ ให้มีผลทันที โดยปราศจากเหตุบอกเลิกสัญญาตาม
กฎหมาย และตามสัญญา ผู้เรียกร้องจึงขอให้ผู้คัดค้านช้าระค่าสินไหมทดแทนแทนการบอกเลิกสัญญาตามข้อก้าหนด
ในสัญญาบริหารโรงแรม ข้อ ๑๓.๓ บัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่เจ้าของเป็นผู้บอกเลิกสัญญาฉบับนี้โดยไม่มีเหตุเจ้าของจะต้อง
ช้าระให้แก่ผู้จัดการทันทีเมื่อผู้จัดการเรียกร้องเป็นการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อเป็นการชดเชยค่าธรรมเนียมการจัดการ
ในอนาคต (“ค่าปรับการยกเลิกสัญญา”) เป็นยอดที่เท่ากับจ้านวนเดือนที่เหลืออยู่ตามระยะเวลาจัดการ คูณด้วย
ค่าธรรมเนียมจัดการที่ผู้จัดการได้รับในรอบสิบสอง (๑๒) เดือนที่ผ่านมาหารด้วยสิบสอง (๑๒) ซึ่งคิดเป็นจ้านวนเงิน
๔,๖๐๖,๔๘๗.๖๐ บาท (สี่ล้านหกแสนหกพันสี่ร้อยแปดสิบเจ็ดบาทหกสิบสตางค์) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจ้านวนเงิน
๔,๙๒๘,๙๔๑.๗๓ บาท (สี่ล้านเก้าแสนสองหมื่นแปดพันเก้าร้อยสี่สิบเอ็ดบาทเจ็ดสิบสามสตางค์) และค่าธรรมเนียม
ประจ้าเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ จ้านวน ๗๑๐,๗๐๐ บาท (เจ็ดแสนหนึ่งหมื่นเจ็ดร้อยบาท) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจ้านวน
๗๖๐,๔๔๙ บาท (เจ็ดแสนหกหมื่นสี่ร้อยสี่สิบเก้าบาท) รวมทั้งสิ้น ๕,๖๘๙,๓๙๐.๗๓ บาท (ห้าล้านหกแสนแปดหมื่นเก้าพัน
สามร้อยเก้าสิบบาทเจ็ดสิบสามสตางค์) ตามหนังสือเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกสัญญาโดยปราศจากเหตุ