Page 186 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 186
วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชำานัญพิเศษ
ี
2.) ตีความขยายคําว่า เผยแพร่ต่อสาธารณชน ว่าจํากัดเฉพาะการกระทําท่เป็นการ
เผยแพร่ต่อสาธารณชนกลุ่มใหม่ และจะเป็นสาธารณชนกลุ่มใหม่ต่อเม่อเป็นการ linking หรือ
ื
ี
ึ
ิ
ี
ิ
framing ไปยังงานท่ทําข้นโดยละเมิดลิขสิทธ์หรือกระทําต่องานท่ถูกลิขสิทธ์ท่มีการวางมาตรการ
ี
จํากัดการเข้าถึงไว้ (protection measure) ดังที่ CJEU ตีความขยายถ้อยคําใน InfoSoc Directive
ซึ่งไม่ได้เขียนไว้ชัดแจ้งว่าต้องเป็น new public แต่อย่างใด แต่เป็นหลักกฎหมายที่เกิดจากการ
ตีความของ CJEU
3.) ใช้หลักทั่วไปในเรื่องละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 ที่
ึ
ี
วางหลักกฎหมายในกรณีท่บุคคลหลายคนก่อให้เกิดความเสียหายข้นโดยร่วมกันทําละเมิด กล่าวคือ
แม้การ linking หรือ framing จะไม่ใช่การทําซาหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนก็ตาม แต่ถือเป็น
ํ
้
ื
การสนับสนุนบุคคลอ่นให้ละเมิดลิขสิทธ์ได้ เช่น มีบุคคลท่สามอาศัย link ดังกล่าวเข้าถึงงาน
ิ
ี
ี
แล้วดาวน์โหลดงานดังกล่าว โดยให้ถือว่าผู้ท่ดาวน์โหลดงานดังกล่าวเป็นผู้กระทําละเมิดโดยตรง
ี
ส่วนผู้ท่ linking หรือ framing เป็นผู้สนับสนุนหรือร่วมกระทําละเมิด อย่างไรก็ดี ความยาก
ในการตีความในทางน้ประการหน่งคือโจทก์ต้องบรรยายฟ้องและนําสืบให้เห็นด้วยว่ามีบุคคล
ึ
ี
ที่สามที่เป็นผู้กระทําละเมิดโดยตรงดังที่ปรากฏในคดี Hateful Eight ของสหรัฐอเมริกา
5.1.3 กระท�าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์
้
หากผู้ปรับใช้กฎหมายพิจารณาว่าการ linking หรือ framing เป็นการทําซาหรือเผยแพร่
ํ
ต่อสาธารณชนซึ่งบทความนี้ได้วินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวไว้แล้วใน 5.1.1 และ 5.1.2 ปัญหาต่อมา
ิ
ี
ิ
มว่าเป็นการทาซาหรอเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รบอนญาตจากเจ้าของลขสทธตาม
ั
์
ิ
ุ
้
ํ
ํ
ื
มาตรา 15 (5) หรือไม่
โดยท่วไปแล้ว กรณีละเมิดลิขสิทธ์ในลําดับรองตามมาตรา 31 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธ ์ ิ
ั
ิ
พ.ศ. 2537 ไม่จําเป็นต้องวินิจฉัยว่าเจ้าของงานยินยอมให้มีการทําซําหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน
้
หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่เจตนารมณ์ของกฎหมายเล็งเห็นไว้แล้วว่า หากมีการละเมิดลิขสิทธิ์ใน
ิ
ึ
ํ
ึ
ลําดับแรกเกิดข้นแล้ว ย่อมต้องถือว่าเจ้าของลิขสิทธ์ไม่ยินยอมให้มีการทําซาหรือเผยแพร่ซ่งงาน
้
ู้
ิ
ั
ิ
ิ
ี
ท่เกิดจากการละเมดลขสิทธ์ดังกล่าวต่อ ดังน้น หากผใช้กฎหมายมองว่าการ linking หรือ framing
ํ
เป็นการทําซาหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซ่งงานท่ละเมิดลิขสิทธ์ ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการละเมิด
้
ิ
ึ
ี
ตามมาตรา 31 โดยไม่จําเป็นต้องพิจารณาความยินยอมของเจ้าของงานแต่อย่างใด
ี
ิ
อย่างไรก็ดี สําหรับการละเมิดลิขสิทธ์ในลําดับแรกท่กระทําต่อตัวงานอันมีลิขสิทธ ิ ์
โดยตรงและมักเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในกรณี linking and framing นั้น การทําซาหรือเผยแพร่
้
ํ
ิ
ื
ต่อสาธารณชนจะเป็นการละเมิดลิขสิทธ์ก็ต่อเม่อไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธ์ ตาม
ิ
184