Page 315 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 315
ฉบับพิเศษ ประจำ�ปี 2564
ทฤษฎีการให้อภัยของนายจ้าง
(Doctrine of Employer Condonation)
กับความผิดบางประการของลูกจ้างในคดีแรงงาน
ดร.มนุเชษฐ์ โรจนศิริบุตร*
บทน�า
ี
ี
ึ
ื
ประเด็นข้อพิพาทในคดีแรงงานส่วนหน่ง เป็นเร่องท่เก่ยวข้องกับสิทธิของนายจ้าง
ในการเลิกจ้างลูกจ้างท่กระทําผิด ซ่งตามกฎหมายแล้วหากลูกจ้างกระทําผิดจริง หรือมีเหต ุ
ึ
ี
ตามกฎหมายที่นายจ้างสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ นายจ้างก็อาจไม่ต้องจ่ายเงินใด ๆ ที่เกี่ยวกับ
การเลิกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย หรือ
ื
ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม แต่ความกลับปรากฏว่าเม่อลูกจ้างกระทําผิดหรือนายจ้าง
ี
มีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างได้โดยมีเหตุตามท่กฎหมายกําหนดไว้แล้ว แต่นายจ้างกลับไม่เลิกจ้างลูกจ้าง
และยังคงให้ลูกจ้างทํางานต่อไป ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะนายจ้างจะยังคง
มีสิทธิที่จะเลิกจ้าง หรือจะกลับมาใช้สิทธิเลิกจ้างลูกจ้างได้อีกหรือไม่
ี
ี
ในประเด็นปัญหาน้ มีแนวคิด ทฤษฎี ท่เก่ยวข้อง คือ Doctrine of Employer Condonation
ี
หรือแนวคิด ทฤษฎี การให้อภัยของนายจ้าง แนวคิด ทฤษฎี การให้อภัยของนายจ้าง
ี
เป็นหลักการท่ได้รับการยอมรับในระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ (common law) ในคดีท่พิพาทกัน
ี
1
* ผู้พิพากษาศาลช้นต้นประจํากองผู้ช่วยผู้พิพากษา และเลขานุการแผนกคดีแรงงาน ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ,
ั
นิติศาสตรมหาบัณฑิต (กฎหมายระหว่างประเทศ), เนติบัณฑิตไทย, ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ทุนสํานักงานศาลยุติธรรม โครงการสร้าง
ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารราชการศาลยุติธรรม), Cert. in International & Transnational Law, Chicago-Kent College of Law,
Illinois Institute of Technology, Dip. in Contemporary Legal Studies, Kyushu University, Cert. in Labour Law: International
& UK Standards, University of Nottingham, Cert. in Research Methodology, Linnaeus University
1 ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ (Common law) เป็นกฎหมายซึ่งพัฒนาข้นโดยผู้พิพากษาผ่านทางการตัดสินคดีความ
ึ
ของศาล และศาลชํานัญพิเศษอื่น ๆ มากกว่าผ่านทางพระราชบัญญัติของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือการดําเนินการของฝ่ายบริหาร
ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์เป็นระบบกฎหมายซ่งให้นําหนักในการปฏิบัติตามคําพิพากษาท่มีมาก่อนเป็นอย่างมาก บนแนวคิด
ี
ึ
้
ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการอยุติธรรมหากศาลจะมีคําพิพากษาที่แตกต่างกัน สําหรับคดีพิพาทซึ่งมีข้อเท็จจริงที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ด้วย
เหตุผลที่ว่าคําพิพากษาเป็นที่มาประการหนึ่งของกฎหมาย (a source of law) ในระบบกฎหมายนี้ ด้วยเหตุนี้การตัดสินคดีใน
ระบบ "คอมมอนลอว์" จึงไม่ได้เป็นเพียงการตีความกฎหมาย แต่มีผลเป็น "บรรทัดฐานทางกฎหมาย" (precedent) ที่ผูกมัดการ
ตัดสินคดีในอนาคตตามไปด้วย ทั้งนี้ตามหลักการภาษาละตินที่เรียกว่า stare decisis แปลว่า "ยืนตามคําวินิจฉัย (บรรทัดฐาน)
ต่อไป”, สืบค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/คอมมอนลอว์, เข้าถึงเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564.
313