Page 320 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 320
วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชำานัญพิเศษ
(3) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
ี
(4) ฝ่าฝืนข้อบังคับเก่ยวกับการทํางาน ระเบียบ หรือคําสั่งของนายจ้างอันชอบด้วย
กฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้าง
ไม่จําเป็นต้องตักเตือน
หนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทําผิด
ี
ิ
(5) ละท้งหน้าท่เป็นเวลาสามวันทํางานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดค่นหรือไม่ก็ตาม
ั
โดยไม่มีเหตุอันสมควร
(6) ได้รับโทษจําคุกตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก
ในกรณี (6) ถ้าเป็นความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษต้องเป็นกรณี
ที่เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
การเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามวรรคหน่ง ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงอันเป็น
ึ
ี
เหตุท่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ได้แจ้งเหตุท่เลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบในขณะ
ี
ที่เลิกจ้างนายจ้างจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้”
ึ
จากบทบัญญัติข้างต้น สามารถสรุปเหตุหรือความผิดของลูกจ้างซ่งเป็นข้อยกเว้นในการ
จ่ายค่าชดเชยของลูกจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 เป็นเหตุหรือความผิดของลูกจ้าง ซึ่งเมื่อมีขึ้นแล้วนายจ้างสามารถเลิกจ้าง
ี
่
ี
ั
ู้
ลูกจ้างผน้นได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ได้แก่ ในกรณีทลูกจ้างทุจริตต่อหน้าท่ กระทําความ
ผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง จงใจทําให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ประมาทเลินเล่อเป็นเหต ุ
ิ
ให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ละท้งหน้าท่เป็นเวลาสามวันทํางานติดต่อกัน
ี
ี
ี
โดยไม่มีเหตุอันสมควร และในกรณีท่ลูกจ้างได้รับโทษจําคุกตามคําพิพากษาถึงท่สุดให้จําคุก
โดยถ้าเป็นความผดท่ได้กระทาโดยประมาทหรอความผดลหโทษต้องเป็นกรณทเป็นเหตให้
ุ
ิ
ื
่
ี
ุ
ิ
ี
ํ
ี
นายจ้างได้รับความเสียหายด้วย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119
(1) (2) (3) (5) และ (6)
ประเภทที่ 2 เป็นเหตุหรือความผิดของลูกจ้าง ในกรณีของการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับ
ึ
การทํางาน ระเบียบ หรือคําส่งของนายจ้าง อันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม ซ่งพิจารณา
ั
แยกเป็น 2 กรณี คือ
ี
1) กรณีเป็นความผิดร้ายแรง หรือกรณีท่ร้ายแรง นายจ้างสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ทันท ี
โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
318