Page 163 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 163
ดุลพาห
๕.๒ การอนุวัติกฎหมายต้นแบบของ UNCITRAL เกี่ยวกับการล้มละลายข้ามชาติ
สิงคโปร์รับกฎหมายต้นแบบฯ โดยแก้ไขเพิ่มเติมเป็น Division 6 of Part X ของ
Companies Act ซึ่งต้องอ่านคู่กับ the Tenth Schedule ของ Companies Act โดย
Tenth Schedule เป็นการปรับจาก Schedule 1 ของ UK Cross-Border Insolvency
Regulations 2006 กฎหมายล้มละลายข้ามชาติของสิงคโปร์มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐
สภาวะพักการชำาระหนี้ตามมาตรา ๒๐ (๑) เหมือนกันในเรื่องขอบเขตและผลกระทบ
เสมือนว่าลูกหนี้ได้รับคำาสั่งให้ชำาระบัญชี (a winding up order) ภายใต้ Companies Act
สภาวะพักการชำาระหนี้นี้อยู่ภายใต้อำานาจของศาลและข้อห้าม ข้อจำากัด ข้อยกเว้น และเงื่อนไข
ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายสิงคโปร์
ตั้งแต่สิงคโปร์แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายล้มละลายข้ามชาติจนถึงปัจจุบัน
(๖ ตุลาคม ๒๕๖๑) มีคดีที่ศาลตัดสินโดยใช้กฎหมายดังกล่าว ๑ คดี ได้แก่ คดี RE: Zetta
jet Pte. Ltd. & 2 Ors [2018] SGHC 16, Aedit Abjullah J: ทรัสตีในคดีล้มละลายตาม
หมวด ๗ ของประเทศสหรัฐอเมริกายื่นคำาร้องต่อศาลสิงคโปร์ขอให้รับรองกระบวนพิจารณา
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือ การรับรองดังกล่าวจะเป็นการขัด
ต่อประโยชน์สาธารณะของสิงคโปร์หรือไม่ ศาลพิจารณาแล้วให้ “การรับรองอย่างจำากัด”
(“limited jurisdiction”) แก่ทรัสตี เพื่อให้ทรัสตีมีสิทธิยื่นคำาร้องคัดค้านหรืออุทธรณ์คำาสั่ง
(injunction) ที่ศาลสิงคโปร์ออกในคดีที่เกี่ยวพันกันเท่านั้น
๕.๓ The Judicial Insolvency Network (JIN) (เครือข่ายตุลาการคดีล้มละลาย)
เนื่องจากการอนุวัติกฎหมายต้นแบบฯ เข้าเป็นกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ
จะต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกจะยอมรับ การจัดการเกี่ยวกับ
การประสานงานในปัจจุบันของกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายข้ามชาติจะถูกดำาเนินการเป็น
เรื่องๆ ไปซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้าและความไม่แน่นอนขึ้น ดังนั้น จึงมีแนวความคิดที่จะจัดทำา
แนวทางสำาหรับการติดต่อสื่อสารและการให้ความร่วมมือกันระหว่างศาลในคดีล้มละลายขึ้น
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๒๐๑๖ เครือข่ายตุลาการคดีล้มละลายได้จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้พิพากษาคดีล้มละลายจากทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยตรงและสามารถ
แลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในเรื่องการล้มละลายข้ามชาติและการ
152 เล่มที่ ๒ ปีที่ ๖๕