Page 233 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 233
ดุลพาห
คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๖๕๐/๒๕๕๖
ปัญหาว่าการกักขังแทนค่าปรับถูกต้องหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบ
เรียบร้อย โจทก์ผู้อุทธรณ์จึงยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา มาตรา ๒๒๕ ประกอบมาตรา ๑๙๕ วรรคสอง
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ในกรณีต้องกักขังจำาเลยคดีนี้แทนค่าปรับก็ให้กักขัง
จำาเลยคดีนี้ได้ไม่เกินกำาหนด ๖ เดือน แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำาว่าแบ่งกักขังซึ่งตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๓๐ มิได้บัญญัติไว้เช่นนั้นก็ตาม แต่เป็นการกำาหนดเงื่อนไขเพื่อบังคับ
โทษปรับ เพราะพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ให้ลงโทษปรับจำาเลยที่
ร่วมกระทำาความผิดทุกคนรวมกันเป็นเงินรวมสี่เท่าของราคาของบวกค่าอากรเข้าด้วยแล้ว
โดยต้องถือว่าค่าปรับจำาเลยทุกคนเป็นจำานวนเดียวกัน ศาลชั้นต้นจึงได้กำาหนดเงื่อนไขในการ
บังคับโทษปรับคดีนี้เพื่อมิให้ลงโทษเกินกว่าที่กฎหมายกำาหนด จึงชอบแล้ว
ถึงแม้ศาลบังคับโทษปรับโดยวิธีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สิน
เพื่อใช้ค่าปรับแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้เงินมาใช้ค่าปรับครบถ้วน ศาลมีอำานาจใช้วิธีบังคับ
ค่าปรับวิธีอื่น เช่น กักขังแทนค่าปรับ
คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๕๕๓/๒๕๕๖
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ กำาหนดวิธีการบังคับค่าปรับไว้ ๒ วิธี เพื่อให้
ศาลเลือกใช้ได้ตามสมควรแก่รูปคดี มิใช่ให้ศาลเลือกใช้วิธีการบังคับได้เพียงวิธีการใดวิธีการ
หนึ่งเท่านั้น ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำาสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของจำาเลย
ออกขายทอดตลาดชำาระค่าปรับรายวันแล้วก็ตาม ศาลชั้นต้นย่อมมีคำาสั่งกักขังจำาเลยแทน
ค่าปรับได้
หากจำาเลยชำาระค่าปรับตามคำาพิพากษาไปแล้ว ต่อมาคำาพิพากษาถูกกลับหรือแก้
เป็นเหตุให้จำานวนค่าปรับลดลงหรือไม่มีโทษปรับ จำาเลยขอเงินค่าปรับที่ชำาระเกินไปคืนได้ แต่
ถ้าจำาเลยต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ กรณีเช่นว่านี้จำาเลยไม่มีสิทธิขอให้ศาลจ่ายเงินเท่าจำานวน
ค่าปรับที่ต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ
222 เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕