Page 238 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 238
ดุลพาห
คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๗๕๗/๒๕๔๓
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ กำาหนดระดับการลงโทษไว้โดยโทษจำาคุก
อยู่ใน (๒) ส่วนโทษปรับอยู่ใน (๔) ศาลชั้นต้นพิพากษาจำาคุกจำาเลย ๘ เดือน จำาเลยอุทธรณ์
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นปรับอีกสถานหนึ่ง แต่ให้รอการลงโทษจำาคุกไว้จึงไม่เป็นการ
เพิ่มโทษแก่จำาเลย
คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๗๒๓/๒๕๔๒
จำาเลยที่ ๑ เพียงแต่มีเครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้จาก
ทางราชการเท่านั้น ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเครื่องวิทยุโทรคมนาคมของกลางเป็นเครื่องที่
สามารถดักฟังข่าวสารราชการที่เป็นความลับของชาติได้ ประกอบกับจำาเลยที่ ๑ ไม่เคยรับ
โทษจำาคุกมาก่อน จึงมีเหตุอันสมควรรอการลงโทษจำาคุกไว้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำาคุกจำาเลย
ที่ ๑ จำาเลยที่ ๑ อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำาคุกไว้ แต่ลงโทษ
ปรับเพิ่มขึ้นอีกสถานหนึ่งด้วย มีผลให้จำาเลยที่ ๑ ยังไม่ต้องรับโทษจำาคุก โทษที่ศาลอุทธรณ์
กำาหนดจึงเบากว่าโทษที่ศาลชั้นต้นกำาหนด จึงไม่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำาเลยที่ ๑
แต่อย่างใด
โทษปรับไม่ใช่หนี้ทางแพ่งที่จะต้องยื่นคำาขอรับชำาระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๒๕๒/๒๕๕๙
การบังคับโทษปรับเป็นการใช้อำานาจรัฐเกี่ยวกับการลงโทษทางอาญาแก่จำาเลยที่ ๑
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเป็นอำานาจของศาลที่จะบังคับโทษปรับแก่จำาเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕ วรรคหนึ่ง ผู้ร้องในฐานะพนักงานอัยการมีอำานาจบังคับ
ให้จำาเลยที่ ๑ ชำาระค่าปรับเต็มจำานวนที่กำาหนดไว้ในคำาพิพากษา
การที่จำาเลยที่ ๑ ถูกศาลมีคำาสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และบรรดาเจ้าหนี้ของจำาเลย
ที่ ๑ จะต้องขอรับชำาระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำาเลยที่ ๑ ต่อผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติ
ล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๘๓ มาตรา ๒๗, ๙๑ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๙๔ แต่คดีนี้ศาลและผู้ร้อง
มิใช่เจ้าหนี้ของจำาเลยที่ ๑ อีกทั้งค่าปรับก็มิใช่หนี้ตามที่บัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย
กันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๑ 227