Page 44 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 44

42

                                                                                                                      8

               และจ าเลยที่ ๓ อ้างว่ามีสุขภาพไม่แข็งแรงเคยประสบอุบัติเหตุไม้ยางพาราล้มทับกระเพาะปัสสาวะแตกเคย

               เข้ารับการผ่าตัดและต้องสวมแผ่นรองซับปัสสาวะตลอดก็ไม่ปรากฏหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจน จึงยังไม่
               มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยทั้งหกนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุ

               ที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข

                         ๑๓๙๓๓/๒๕๕๘ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๕๔ วรรคหนึ่ง ๗๒ ตรี วรรคสอง

               ประกอบ ป.อ ๘๓ จ าคุก ๒ ปี


                         จ าเลยเคยรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดิน ส านักงานที่ดินที่อ าเภอ ป.ที่เกิดเหตุ ทั้งจ าเลยเป็น
               ผู้ด าเนินการออกหนังสือรับรองการท าประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๘๕๖ ที่อยู่ติดกับที่ดินเกิดเหตุด้านทิศ

               เหนือและที่ดินบริเวณเดียวกันอีกหลายแปลง ซึ่งที่ดินที่อ้างนั้นได้ขายแก่ภริยาของจ าเลย แล้วมีการยึดที่ดิน
               แปลงนั้นออกขายทอดคลาด โดยนาย พ.เป็นผู้ซื้อจากการขายทอดตลาด นาย พ.เข้าครอบครองที่ดินแปลง

               นั้นรวมถึงที่ดินเกิดเหตุที่อยู่ติดกัน จึงเกิดกรณีพิพาทกับจ าเลยข้างต้น พฤติการณ์ของจ าเลยดังกล่าว ส่อว่า

               เป็นการอาศัยต าแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ใส่ตนโดยไม่ค านึงถึงความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สภาพป่า
               ดังนั้น โทษตามค าพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นคุณแก่จ าเลยมากพอแล้ว ศาลฎีกาไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง

               แก้ไข

                         ๑๔๗๔๓/๒๕๕๘ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง ๕๔ วรรคหนึ่ง

               ๖๙ วรรคสอง (๒) ๗๒ ตรี วรรคหนึ่ง ๗๓ วรรคสอง (๒) พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ มาตรา ๑๔,

               ๓๑ วรรคสอง (๒) ป.อ มาตรา ๘๓ จ าคุก ๙ เดือน

                         จ าเลยยึดถือครอบครองท าประโยชน์ แผ้วถาง ท าลายต้นไม้หรือกระท าด้วยประการใด ๆ อันเป็น

               การเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพนมและป่าพลูเถื่อน โดยก่นสร้าง โค่นต้นไม้จ านวนหลายต้น
               และเผาป่าไม้ ถือได้ว่าเป็นการท าลายป่าที่รัฐก าหนดให้เป็นเขตซึ่งสงวนไว้เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มี

               ความส าคัญต่อระบบนิเวศอย่างยิ่ง ทั้งที่ดินที่จ าเลยยึดถือครอบครองมีเนื้อที่ ๑๘ ไร่เศษ พฤติการณ์แห่งการ

               กระท าความผิดของจ าเลยนับเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจ าเลยเคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน และมี
               ภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว นอกจากนี้จ าเลยรับราชการครูกับมีโรคประจ าตัวก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรับฟัง

               เพื่อก าหนดโทษจ าเลยสถานเบาและรอการลงโทษ

                         ๑๔๖/๒๕๕๙ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๕๔ วรรคหนึ่ง ๗๒ ตรี วรรคหนึ่ง

               วรรคสาม จ าคุก ๑ ปี

                         การที่จ าเลยบุกรุกเข้าไปแผ้วถางป่าบริเวณที่ดินเกิดเหตุและครอบครองท าประโยชน์เป็นเนื้อที่มาก

               ถึง ๑๖ ไร่ ๒ งาน ซึ่งนอกจากจะเป็นการท าลายป่าซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส าคัญและมีค่าของประเทศ

               แล้ว ยังเป็นการท าลายระบบนิเวศและความสมดุลของธรรมชาติที่อาจก่อให้เกิดภัยธรรมชาติ รวมทั้งกระทบ
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49