Page 5 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 5

4




                         ๓๙๕๕/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๑, ๓๐๐ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา

               ๗๘ วรรคหนึ่ง ๑๖๐ วรรคหนึ่ง รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑ ปี ๖ เดือน ๑๕ วัน ให้จ าเลย
               ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องที่ ๑ เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท และผู้ร้องที่ ๒ เป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท


                         การกระท าของจ าเลยเป็นการกระท าโดยปราศจากความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตและ
               ร่างกายของผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน ทั้งหลังเกิดเหตุจ าเลยยังหลบหนีไม่หยุดรอให้ความช่วยเหลือใด ๆ ตาม

               สมควร พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยกับติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

               แก่ผู้ร้องทั้งสองก็ตาม แต่การชดใช้ค่าเสียหายของจ าเลยและบริษัทประกันภัยดังกล่าวก็เป็นหน้าที่ของ
               จ าเลยและความรับผิดตามสัญญาประกันที่จ าเลยและบริษัทประกันภัยต้องรับผิดทางแพ่งตามสัญญาประกัน

               อยู่แล้ว ส่วนที่จ าเลยไม่เคยต้องโทษจ าคุกมาก่อนหรือมีภาระต้องอุปการะบุคคลในครอบครัว มีเหตุอื่น ๆ

                                ็
               ตามที่จ าเลยฎีกา กยังไม่เพียงพอจะรับฟังเพื่อรอการลงโทษให้แก่จ าเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษามา
               นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจ าเลยฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ วางโทษจ าคุกจ าเลย

               ในความผิดฐานกระท าโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีก าหนด ๕ ปี ก่อนลดโทษนั้น หนัก
               เกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรก าหนดโทษจ าเลยเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี


                         ๙๒๔๑/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๑ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔)
               ๑๕๗ จ าคุก ๑ ปี


                         พฤติการณ์ที่จ าเลยขับรถโดยไม่ได้ตรวจสอบดูให้ดีก่อนในขณะที่ก าลังถอยรถว่ามีบุคคลใดอยู่บริเวณ

               ด้านหลังรถ ท าให้รถตู้ถอยไปเฉี่ยวชนผู้ตายจนล้มลง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากเลือดออกใน
               สมองเป็นการกระท าที่ไม่ค านึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น นับว่าเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง แม้หลังเกิดเหตุ

               จ าเลยจะน าผู้ตายส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจ าเลยได้แสดงความรับผิดชอบอื่นใดต่อผู้ตายหรือญาติ
               ของผู้ตายอีก อันจะท าให้เห็นว่าจ าเลยรู้ส านึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายซึ่งเกิดจากการกระท าของตน

               ทั้งยังให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอดว่าเหตุเกิดจากการที่ผู้ตายล้มลงเอง การที่จ าเลยยื่นค าร้องขอวางเงิน

               จ านวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ต่อศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าเพื่อบรรเทาความเสียหายและชดใช้ในทางแพ่งก็เป็นการ
               กระท าภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีค าพิพากษาว่าจ าเลยกระท าความผิดและให้ชดใช้ค่าสินไหม

               ทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ ๒ แล้ว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมทั้งสองหรือญาติของผู้ตายไม่ติดใจที่จะเอา
                      ั
               ความกบจ าเลยอีกต่อไป กรณีจึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอสมควรที่จะก าหนดโทษให้เบาลงและรอการลงโทษ

                         ๕๒๑๑/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๑, ๓๙๐ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา
               ๔๓ (๔) ๑๕๗ รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑ ปี


                         การกระท าของจ าเลยเป็นการกระท าปราศจากความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตและ

               ร่างกายของผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยจะชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าปลง
               ศพแก่ทายาทผู้ตายเป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน ๑๒,๐๐๐ บาท
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10