Page 8 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 8
6
เพียงเพราะมีคนมาบอกจ าเลยที่ ๑ ว่าให้จ าเลยที่ ๑ กลับบ้านเพราะได้ยินว่าคนชื่อตุ่ยจะฆ่าจ าเลยที่ ๑
จ าเลยทั้งสองจึงร่วมกันกระท าความผิดต่อผู้เสียหายทั้งสอง การกระท าของจ าเลยทั้งสองจึงเป็นเรื่องอุกอาจ
ไม่เคารพย าเกรงต่อกฎหมาย ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง พฤติการณ์การกระท าความผิดของ
จ าเลยทั้งสองจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยทั้งสองได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายที่ ๑ แล้ว และไม่เคย
ได้รับโทษจ าคุกมาก่อน หรือมีเหตุอื่นดังที่ยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็มิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการ
ลงโทษจ าคุกให้
๙๘๕๑/๒๕๖๐ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๑ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑ ปี ๖
เดือน
การที่จ าเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นมาด้วยความเร็วสูง โดยไม่ชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง จน
เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่ขับรถจักรยานยนต์แล่นสวนมาในช่องเดินรถฝั่งตรงข้ามในลักษณะ
ประสานงาอย่างแรง แม้ผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย แต่การกระท าของจ าเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย
ทันทีในที่เกิดเหตุนับว่าร้ายแรง การกระท าของจ าเลยเป็นการกระท าที่ขาดจิตส านึกในการรับผิดชอบต่อ
ความปลอดภัยหรือความเดือนร้อนของผู้อื่น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยในการใช้เส้นทางจราจร
ของสังคมโดยส่วนรวม อีกทั้งได้ความจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติว่า ก่อน
เกิดเหตุจ าเลยดื่มเบียร์กับพวกโดยมีอาการมึนเมาพอสมควรก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวชนกับ
รถจักรยานยนต์ของผู้ตาย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรงและได้ความจากรายงานด้งกล่าวต่อมาอีก
ว่าหลังเกิดเหตุ ๑ เดือน เมื่อเจ้าพนักงานต ารวจนัดมาเจรจาค่าเสียหายกับมารดาผู้ตายโดยมารดาผู้ตาย
ี
ขอให้ชดใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท จ าเลยบอกว่าไม่มเงิน จึงนัดมาเจรจาอีกครั้ง แต่จ าเลยก็ไม่มาตามกาหนดนัด
จนกระทั่งจับกุมจ าเลยได้ตามหมายจับอันเป็นระยะเวลาหลังเกิดเหตุถึง ๗ ปี แสดงให้เห็นว่าจ าเลยไม่เคยรู้
ส านึกในการกระท าความผิดของตน รวมถึงภายหลังจากจ าเลยกระท าความผิดในคดีนี้จ าเลยยังกระท า
ความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราและฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ อีก เมื่อศาลรอการ
ลงโทษให้จ าเลยโดยให้คุมความประพฤติจ าเลยไว้ แต่จ าเลยก็จงใจไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพนักงานคุม
ประพฤติตามที่ศาลก าหนด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จ าเลยอีก และแม้ปรากฏว่าจ าเลย
วางเงินต่อศาลชั้นต้น ๓๒,๐๐๐ บาท เพื่อบรรเทาความเสียหายให้แก่มารดาผู้ตายแล้ว และตามค าร้องของ
จ าเลยและมารดาผู้ตายฉบับลงวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๑ ว่า จ าเลยตกลงช าระค่าเสียหายอีก ๕๐,๐๐๐
บาท ให้แก่มารดาผู้ตายโดยจ าเลยขอผ่อนช าระเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เป็นเวลา ๑๐ เดือน และเพิ่งช าระ
งวดแรกไปจ านวน ๕,๐๐๐ บาท และมารดาผู้ตายไม่ติดใจเอาความในคดีอาญาแล้วก็ตาม หรือจ าเลยมีภาระ
ทางครอบครัว หรือมีเหตุอื่นดังที่จ าเลยยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็มิใช่เป็นเหตุเพียงพอจะรับฟังเพื่อรอการลงโทษ
จ าคุกให้แก่จ าเลย