Page 9 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 9
7
๖๘๒๗-๖๘๒๘/๒๕๖๑ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐, ๘๓ และมาตรา
ุ
๗๒ มาตรา ๓๗๑ ทางน าสืบของจ าเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจ าคก ๑ ปี
๔ เดือน และปรับ ๖๐ บาท
จ าเลยใช้มีดฟันโจทก์ร่วมหลายครั้งในขณะที่โจทก์ร่วมหมดหนทางต่อสู้ ซึ่งหากแพทย์รักษาไม่ทัน
โจทก์ร่วมคงถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ของจ าเลยนับว่าร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ไม่รอการลงโทษ
ให้แก่จ าเลยนับว่าเหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่อย่างไรก็ตามการที่โจทก์ร่วม
เป็นฝ่ายก่อเหตุและจ าเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท
และในระหว่างฎีกาอีกเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อบรรเทาผลร้าย จึงมีเหตุควรปรานีที่จะลงโทษจ าคุกใน
สถานเบากว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ก าหนด
๓๙๕/๒๕๖๒ มีความผิดตาม ป.อ ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจ าคุก
๕ ปี
การที่จ าเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงที่หลังผู้เสียหายซึ่งมีอวัยวะส าคัญอยู่ภายในจนผู้เสียหาย
ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลลึกถึงเยื่อหุ้มปอด มีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด เกิดความดันต่ าเป็นอันตรายถึงแก่
ชีวิตได้ ลักษณะการกระท าความผิดของจ าเลยดังกล่าวเป็นไปโดยอุกอาจ ไม่เคารพย าเกรงต่อกฎหมาย
พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยอ้างว่าส านึกผิดและชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจน
ผู้เสียหายไม่ติดใจด าเนินคดีแก่จ าเลยหรือมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นดังที่
อ้างมาในฎีกาก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย
๘๑๒/๒๕๖๒ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๑ (เดิม) ๓๐๐ (เดิม) ๓๙๐ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.
๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔) ๑๕๗ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๙ เดือน
แม้จ าเลยขับรถกระบะสี่ล้อไม่ใช่รถนยนต์ขนาดใหญ่ แต่จ าเลยรถขับด้วยความเร็วสูงเกินสมควร ไม่
ชะลดความเร็วให้ช้าลงทั้งที่บริเวณสถานที่เกิดเหตุเป็นทางร่วมทางแยกและเขตชุมชนที่มีผู้ใช้รถใช้ถนน
จ านวนมาก แล้วยังมีเส้นทึบสีเหลืองแสดงเขตห้ามแซงอีกด้วย แม้โจทก์ร่วมที่ ๑ ขับรถจักรยานยนต์มีโจทก์
ร่วมที่ ๒ ที่ ๒ และเด็กหญิง ล. ผู้ตายนั่งโดยสารมาด้วย ซึ่งอาจท าให้ขาดประสิทธิภาพในการควบคุม
รถจักรยานยนต์และเป็นการนั่งซ้อนท้ายที่ไม่ชอบตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก แต่โจทก์ร่วมที่ ๑
ขับรถจักรยานยนต์อยู่บริเวณเส้นแบ่งทางเดินรถซึ่งเป็นเส้นทึบสีเหลืองแสดงเขตห้ามแซงข้างหน้ารถกระบะ
อีกคันหนึ่งซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้ารถยนต์ของจ าเลยและเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาเข้าถนนแยกบ้านเคียน ถ้า
่
จ าเลยไม่เร่งเครื่องยนต์แซงรถกระบะคันดังกล่าวล้ าเช้าไปในช่องเดินรถด้านขวาก็จะไมเฉี่ยวชน
รถจักรยานยนต์ที่โจทก์ร่วมที่ ๑ ขับจนล้มลงและถูกลากเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถยนต์ของจ าเลย การที่ผู้ตายถึง
แก่ความตาย โจทก์ร่วมที่ ๑ และที่ ๓ ได้รับอันตราย และโจทก์ร่วมที่ ๒ ได้รับอันตรายสาหัส ไม่ใช่ผล
โดยตรงจากการที่โจทก์ร่วมที่ ๑ ขับรถจักรยานยนต์มีคนนั่งซ้อนท้ายเกินกว่าที่กฎหมายกาหนด พฤติการณ์