Page 14 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 14

12




               ก็ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ รอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยนั้น

               ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

                         ๒๘๘๓/๒๕๕๖ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๗ (๘) ประกอบมาตรา ๗๒ ค าให้การในสอบสวน

               ตลอดจนค าเบิกความของจ าเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คง
               จ าคุก ๒ ปี


                         การที่จ าเลยใช้อาวุธมีดฟันโจทก์ร่วมหลายครั้งจนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส ต้องใช้

               ระยะเวลารักษาประมาณ ๖ เดือน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ใช้ดุลพินิจรอ
               การลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย (ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อให้จ าเลยกระท าความผิด นาย ห.

               จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย นาย ห.จึงไม่มีอ านาจเข้าร่วมเป็นโจทก์)


                         ๑๓๓๖๖/๒๕๕๗ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๗ (๘) ประกอบมาตรา ๗๒ มาตรา ๓๗๑
                                                                                 ุ
               ค าให้การของจ าเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคก ๓ เดือน และปรับ ๕๐ บาท
               โทษจ าคุกให้กักขังแทนมีก าหนด ๓ เดือน ให้จ าเลยช าระเงิน ๖๔,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายที่ ๑

                         จ าเลยใช้อาวุธมีดมีความยาวรวมด้ามประมาณ ๔๐ ถึง ๕๐ เซนติเมตร ฟันผู้เสียหายที่ ๑ นับว่าเป็น

               เรื่องที่ร้ายแรง แม้ปรากฏว่าจ าเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายที่ ๑ แล้ว ก็ยังไม่มีเหตุสมควรรอการ
               ลงโทษให้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจ าเลยเคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้ลงโทษกักขังแทนโทษจ าคุก


                         ๙๑๖๙/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๐๐ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๒๑

               วรรคหนึ่ง ๒๒ (๕) ๔๓ (๔) ๑๕๒, ๑๕๗ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๓ เดือน ให้เปลี่ยนโทษ
               จ าคุกเป็นโทษกักขัง ๓ เดือน


                         จ าเลยขับรถด้วยความเร็วเกินสมควร เมื่อถึงทางร่วมทางแยกที่เกิดเหตุมีเครื่องหมายจราจรบนพื้น
               ถนนเป็นเส้นทึบสีขาวขวางอยู่ จ าเลยไม่ชะลอความเร็วและไม่หยุดรถในขณะที่สัญญาณจราจรไฟเป็นสีแดง

               จนรถยนต์คันที่จ าเลยขับตัดหน้ารถจักรยานยนต์คันที่นาย น.ขับมาอย่างกะทันหัน ท าให้รถทั้งสองคันเฉี่ยว

               ชนกันอย่างแรง ได้รับความเสียหายและเป็นเหตุให้นาย น.ได้รับอันตรายสาหัส การกระท าของจ าเลยเป็นไป
               โดยปราศจากความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน พฤติการณ์แห่งคดีจึงนับว่าร้ายแรง

               หากรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยย่อมเป็นเหตุที่ท าให้ผู้ใช้ยานพาหนะโดยทั่วไปขาดจิตส านึกในการ
               รับผิดชอบต่อความเดือนร้อนของผู้อื่น และไม่เป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อป้องปรามมิให้เกิดความสูญเสียอันเกิดจาก

               การกระท าความผิดในท านองเดียวกัน แม้จ าเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมจนพอใจแล้วก็เป็นแต่เพียง
               การพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด ส่วนที่จ าเลยไม่เคยกระท าความผิดมาก่อนหรือมีเหตุอื่นดังที่จ าเลย

               ยกขึ้นอ้างในฎีกาก็มิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19