Page 10 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 10

8




               แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แม้จ าเลยไม่เคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน ประกอบอาชีพสุจริต และจ าเลยชดใช้

               ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสามไปแล้วเป็นเงิน ๖๙,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นการพยายามบรรเทาผลร้ายที่
               เกิดขึ้นแต่ก็เป็นค่าเสียหายเพียงบางส่วนไม่อาจชดเชยกับความสูญเสียและความเจ็บปวดทุกช์ทรมานที่เกิด

               แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติพี่น้องของผู้ตาย แล้วยังเป็นเรื่องที่จ าเลยต้องรับผิดในทางแพ่งอยู่แล้ว ส่วนการที่

               บริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ร่วมที่ ๑ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมที่ ๑ นั้น แม้บริษัท
               ผู้รับประกันภัยสามารถรับช่วงสิทธิจากโจทก์ร่วมที่ ๑ ฟ้องไล่เบี้ยเอาจากจ าเลยได้ แต่ไม่ใช่ค่าสินไหม

               ทดแทนที่จ าเลยช าระให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสามซึ่งจะถือว่าจ าเลยเป็นผู้ช าระเพื่อบรรเทาผลร้ายดังค าพิพากษา
               ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ อย่างไรก็ตามการที่จ าเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนบางส่วนให้แก่โจทก์ร่วมที่ ๑ เป็นเหตุ

               อันควรปรานีที่จะลงโทษจ าเลยในสถานเบาตาม ป.วิ.อ มาตรา ๑๘๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๑๕ และ
               มาตรา ๒๒๕ เท่านั้น แต่ยังไม่มีเหตุอันควรปรานีที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย


                         ๑๐๒๑/๒๕๖๒ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ ค ารับของจ าเลยเป็น

               ประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจ าคุก ๖ ปี ๘ เดือน

                         การที่จ าเลยใช้มีดพร้าที่มีขนาดความกว้างใบมีด ๒ นิ้ว ความยาวรวมด้ามถึง ๓๒ นิ้ว เป็นอาวุธฟัน

               โจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะลึกถึงกะโหลกศีรษะ กระดูกข้อศอกขวาแตกร่วมกับเส้นประสาทขาด

               ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่เป็นเวลากว่าสัปดาห์และกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านเป็นเวลากว่า ๓
               เดือน เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติ

               ไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน และต้องไปท ากายภาพบ าบัดกับแพทย์แผนไทยอีกประมาณ ๓ เดือน ท าให้ไม่สามารถ
               ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แม้ได้ความว่าจ าเลยวางเงินชดใช้ค่าเสียหายจากการกระท าความผิดของจ าเลยเป็นเงิน

               ๕๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ร่วมก็ตาม แต่ลักษณะการกระท าความผิดของจ าเลยดังกล่าวถือเป็นภยันตราย
               ต่อสังคมอย่างร้ายแรงและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้จ าเลย


                         ๗๖/๒๕๖๓ มีความผิดตาม ป.อ ๒๙๐ วรรคแรก ทางน าสืบชองจ าเลยเป็นประโยชน์แก่การ

               พิจารณา ลดโทษให้หนึ่งสาม คงจ าคุก ๑ ปี ๔ เดือน

                         จ าเลยขึงลวดเป็นแนวรั้วเพื่อเป็นเครื่องกีดขวางป้องกันบริเวณต้นพืชกระท่อมของจ าเลยแล้วปล่อย

               กระแสไฟฟ้าขนาดแรงดัน ๒๒๐ โวลต์ เข้าสู่แนวรั้วดังกล่าว เครื่องกีดขวางที่จ าเลยสร้างขึ้นนั้นเป็นอันตราย
               ร้ายแรงแก่ผู้ไปสัมผัสจะถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเป็นอันตรายแก่กายหรือถึงแก่ความตายได้ อีกทั้งต้นพืช

               กระท่อมเป็นยาเสพติด ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจที่มีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตสามารถน าไปบริโภคโดยเป็น
               อาหารเป็นแหล่งพลังงานที่จ าเป็นของมนุษย์และสัตว์ หรือสามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวประกอบเป็น

               อาชีพโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย จ าเลยสามารถใช้วิธีการอื่นในการปกป้องพืชผลของตนได้โดยไม่

               จ าต้องใช้ด้วยวิธีการอันตรายรุนแรงเช่นนั้น การกระท าของจ าเลยเป็นเหตุท าให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ๓ ราย
               ถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในคดีว่าจ าเลยได้พยายามเยียวยาความเสียหาย
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15