Page 12 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 12

10




               เป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษจ าคุกให้ แต่เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเองของจ าเลย เห็น

               ควรก าหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจ าเลยไว้ด้วย




               ๒.ควำมผิดเกี่ยวกับร่ำงกำย

                    ไม่รอกำรลงโทษ


                         ๓๗๕๒/๒๕๕๕ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๙๐ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๕๖

               วรรคสอง ๑๕๒ จ าคุก ๑ เดือน เปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นกักขัง ๑ เดือน

                         ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ เปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นลงโทษกักขังจ าเลยมีก าหนด ๑ เดือน ตาม ป.อ มาตรา

               ๒๓ นับว่าปรานีก าหนดโทษสถานเบาแล้ว และจ าเลยขับรถยนต์บรรทุกเป็นงานอาชีพควรจะใช้ความ

               ระมัดระวังยิ่งกว่าผู้ขับรถทั่วไป แต่จ าเลยกลับไม่ใช้ความระมัดระวังท าให้เกิดเหตุคดีนี้ขึ้นซึ่งมีโอกาสมากที่
               จะเกิดผลเสียหายถึงแก่ชีวิตผู้อื่น จึงไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จ าเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ไม่รอการ

               ลงโทษจ าคุกและเปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นกักขังนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

                         ๖๙๖๔/๒๕๕๕ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๗ (๘) ๓๗๑ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา

               ๗, ๗๒ วรรคหนึ่ง ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง ๗๒ ทวิ จ าคุก ๒ ปี ๖ เดือน (รับสารภาพข้อหาอาวุธปืนลดโทษให้กึ่ง
               หนึ่ง ความผิดตามมาตรา ๒๙๗ (๘) ลดโทษให้หนึ่งในสาม)


                         อาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรง นอกจากจะใช้ยิงท าอันตรายแก่บุคคลอื่นแล้วยังสามารถใช้ในการ

               ประกอบอาชญากรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่จ าเลยใช้อาวุธปืนไม่มี
               เครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานยิงผู้เสียหายทั้งสองจนได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กาย

               นับเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง แม้จ าเลยที่ ๒ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายทั้งสองจนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจ
               เอาความแก่จ าเลยก็ยังไม่มีเหตุสมควรที่จะลงโทษสถานเบากว่านี้และรอการลงโทษให้แก่จ าเลยได้


                         ๑๘๒๖๓/๒๕๕๕ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๒๙๕, ๒๙๗ (๘) ประกอบมาตรา ๘๓ รับสารภาพ ลด

               โทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ มาตรา ๗๘ คงจ าคุก ๑ ปี บวกโทษจ าคุก ๑๕ วัน ของจ าเลยที่รอการลงโทษไว้ใน
               คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๘๔๙/๒๕๕๑ ของศาลแขวงนครปฐมเข้ากับโทษของจ าเลยในคดีนี้ เป็นจ าคุก ๑

               ปี ๑๕ วัน

                         จ าเลยร่วมกับพวกท าร้ายโจทก์ร่วมที่ ๒ โดยชกต่อยบริเวณใบหน้าและร่างกายหลายครั้งจนเป็นเหตุ

               ให้กระดูกเบ้าตาซ้ายหักได้รับอันตรายสาหัส ลักษณะการกระท าความผิดของจ าเลยเป็นไปโดยไม่เคารพย า

                                                                 ี
               เกรงต่อกฎหมาย และก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรยบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่อง
               ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๑ จ าเลยเคยต้องค าพิพากษาถึงที่สุดให้
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17