Page 53 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 53

51

                                                                                                                       8




               ๒๔.ควำมผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.วัตถุอันตรำย พ.ศ.๒๕๓๕

                    ไม่รอกำรลงโทษ


                         ๙๕๐๒/๒๕๕๙ มีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง ๗๓
               ประกอบ ป.อ มาตรา ๘๓ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๓ เดือน


                         จ าเลยมีก๊าซปิโตรเลียมเหลวดังกล่าวไว้ในครอบครองของจ าเลยโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่า

               ฝืนต่อกฎหมาย การกระท าของจ าเลยนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยอ้างว่า เป็นเพียงผู้รับจ้างขับ
               รถบรรทุกขนส่ง ไม่ใช่เจ้าของหรือมีส่วนร่วมในการติดต่อซื้อขายก๊าซปิโตรเลียมเหลวของกลาง หากจะส่งผล

               ท าให้ประเทศชาติขาดแคลนเชื้อเพลิงและสุ่มเสี่ยง และท าให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายต่อชุมชนก็เป็นเรื่องการ
               ด าเนินการของผู้เป็นเจ้าของ และจ าเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวและไม่เคยต้องโทษจ าคุกมาก่อน ก็ยังไม่


               เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจ าคุกหรือรอการกาหนดโทษให้แก่จ าเลย



               ๒๕.ควำมผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ทำงหลวง พ.ศ.๒๕๓๕


                    ไม่รอกำรลงโทษ


                         ๙๙๙๙/๒๕๕๙ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง ๗๓/๒ รับ
                                             ุ
               สารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคก ๑ เดือน ให้เปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นกักขังแทนตาม ป.อ มาตรา ๒๓

                         จ าเลยใช้รถบรรทุกคันเกิดเหตุบรรทุกทรายมีน้ าหนักยานพาหนะรวมน้ าหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่
               กฎหมายก าหนดไว้ถึง ๒๐,๗๕๐ กิโลกรัม แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าน้ าหนักบรรทุกของรถบรรทุกคันเกิด

               เหตุที่กดทับลงสู่พื้นถนนผ่านล้อแต่ละล้อจะมีน้ าหนักเท่าใดก็ตาม แต่การกระท าของจ าเลยดังกล่าวเป็นการ
               ไม่น าพาว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาพทางหลวงแผ่นดินซึ่งเป็นสมบัติของส่วนรวมและ

               มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันของสาธารชน ทั้งยังท าให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางสัญจรไปมาต้องเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิด

               จากสภาพของยานพาหนะที่บรรทุกน้ าหนักเป็นจ านวนมาก จนเกินกว่าที่ผู้ขับจะควบคุมให้แล่นไปได้อย่าง
               ปลอดภัย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยไม่เคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อนหรือมีภาระต้อง

               เลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยได้ อย่างไร
               ก็ตาม ศาลฎีกาเห็นสมควรเปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นกักขังแทนตาม ป.อ มาตรา ๒๓


                         ๕๙๘๐/๒๕๖๐ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง ๗๓/๒ รับ
               สารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคก ๑ เดือน ให้เปลี่ยนโทษจ าคุกจ าเลยเป็นโทษกักขังแทนมีก าหนด ๑
                                             ุ
               เดือน
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58