Page 52 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 52

50

                                                                                                                       8

                         ๖๖๖๑/๒๕๖๑ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง (๑) ๙๐

               วรรคหนึ่ง ๑๔๔ วรรคหนึ่ง ๑๔๖ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.๒๕๕๘ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง ๑๔๒ วรรคหนึ่ง
               ประกอบ ป.อ มาตรา ๘๓ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๒๐๗,๕๐๐ บาท


                        จ าเลยใช้แรงงานคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตให้ท างานในราชอาณาจักร ซึ่งคนต่างด้าวดังกล่าวมี
               อายุต่ ากว่าสิบแปดปีโดยจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ า เป็นการกระท าที่ไม่ย าเกรงต่อกฎหมายและ

               ขาดจิตส านึก เห็นแต่เพียงประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง การกระท าของจ าเลยดังกล่าวจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ที่

               ศาลล่างทั้งสองรอการลงโทษปรับให้แก่จ าเลยนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา




               ๒๓.ควำมผิดเกี่ยวกับกำรละเมิดอ ำนำจศำล

                    ไม่รอกำรลงโทษ


                         ๑๐๒๑๑/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.วิ.พ มาตรา ๓๑ (๑) ๓๓ (ข) วรรคท้าย ประกอบ ป.วิ.อ มาตรา

               ๑๕ จ าคุก ๑ เดือน

                         ผู้ถูกกล่าวหาประกอบอาชีพทนายความมีประสบการณ์การท างานมาไม่ต่ ากว่าสิบปี ท าหน้าที่ตาม

               กฎหมายในศาลแทนลูกความ ให้ค าแนะน าแก่ลูกความถึงสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย และมีบทบาทในการ

               สร้างและรักษาความเป็นธรรมให้แก่สังคมให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย แต่กลับมากระท าผิดเสียเอง
               พฤติการณ์แห่งการกระท าของผู้ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องร้ายแรงส่งผลกระทบต่อการอ านวยความยุติธรรมของ

               ศาล จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา (ผู้ถูกกล่าวหายื่นบันทึกการจับกุมซึ่งเป็นเอกสาร
               ปลอมต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้จ าเลยได้รับประโยชน์จากการลดโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒

               มาตรา ๑๐๐/๑)

                         ๖๕๗๒/๒๕๖๑ มีความผิดตาม ป.วิ.พ มาตรา ๓๑ (๑) ๓๓ (ข) ประกอบ ป.วิ.อ มาตรา ๑๕ จ าคุก

               ๒ เดือน


                         ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓ ทราบดีอยู่แล้วว่ามีการเพิ่มเติมข้อความในใบรับรองแพทย์เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์
               ในการขอเลื่อนคดี โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ มิได้มีอาการตามที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ที่มีการ

               แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีเจตนาหลอกลวงให้ศาลชั้นต้นหลงเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑ มีอาการเจ็บป่วยตามที่ระบุ
               ในใบรับรองแพทย์จนถึงขนาดไม่สามารถมาศาลตามก าหนดนัดได้ เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดี

               ท าให้มีผลกระทบต่อการพิจารณาคดีเกิดความล่าช้า คู่ความและพยานเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
               นับว่าเป็นการกระท าที่เป็นภัยต่อกระบวนการยุติธรรม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาลงโทษผู้ถูกกล่าวหาที่

               ๓ โดยไม่รอการลงโทษนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57