Page 54 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 54

52

                                                                                                                       8

                         จ าเลยใช้ยานพาหนะบนทางหลวงมีน้ าหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายก าหนดไว้จ านวนมาก

               โดยไม่ค านึงว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงเพียงใดต่อสภาพทางหลวงแผ่นดินซึ่งเป็นสมบัติของ
               ส่วนรวมและมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน การกระท าดังกล่าวของจ าเลยท าให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางสัญจรไปมา

               ต้องเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิดจากสภาพของยานพาหนะที่บรรทุกน้ าหนักเป็นจ านวนมากจนเกินกว่าที่ผู้ขับจะ

               ควบคุมให้แล่นไปได้อย่างปลอดภัย พฤติการณ์ในการกระท าความผิดของจ าเลยนับว่าร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏ
               ว่าจ าเลยเคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อนยังไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย แต่เห็นควรให้เปลี่ยน

               โทษจ าคุกเป็นกักขังแทน (น้ าหนักบรรทุก ๖๕,๗๓๐ กิโลกรัม เกินไป ๑๕,๒๓๐ กิโลกรัม)

                         ๘๕๔/๒๕๖๒ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง ๗๓/๒ รับ

                                             ุ
               สารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคก ๑ เดือน ๑๕ วัน ให้เปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นกักขังแทน ๑ เดือน ๑๕ วัน
                         จ าเลยใช้รถลากจูงประกอบกับตัวรถกึ่งพ่วงบรรทุกหิน มีน้ าหนักยานพาหนะรวมน้ าหนักบรรทุกเกิน

               กว่าที่กฎหมายก าหนดไว้ถึง ๒๐,๒๐๐ กิโลกรัม เป็นการไม่น าพาว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

               ต่อสภาพทางหลวงแผ่นดินซึ่งเป็นสมบัติของส่วนรวมและมีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันของสาธารณชน และเป็น
               เหตุให้รัฐต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการซ่อมแซม อีกทั้งยังท าให้ผู้ใช้ทางหลวงแผ่นดินในการสัญจรร่วมกับ

               จ าเลยไม่ได้รับความปลอดภัยจากการต้องควบคุมรถให้แล่นไปบนถนนซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้

               ยานพาหนะน้ าหนักบรรทุกเกินของจ าเลยดังกล่าว พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยไม่เคย
               ได้รับโทษจ าคุกมาก่อนหรือมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลภายในครอบครัว ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อ

               รอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยได้ อย่างไรก็ตามการลงโทษจ าคุกจ าเลยในระยะสั้น นอกจากจะไม่เกิดผลใน
               การแก้ไขจ าเลยให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีได้แล้ว ยังท าให้จ าเลยต้องกลายเป็นผู้มีประวัติเสื่อมเสียติดตัว

               ยากล าบากต่อการประกอบสัมมาชีพในเวลาที่พ้นโทษ ศาลฎีกาเห็นสมควรเปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นกักขังแทน

                    รอกำรลงโทษ


                         ๖๗๗๗/๒๕๖๒ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง ๗๓/๒ รับ

               สารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑ เดือน และปรับ ๕,๐๐๐ บาท โทษจ าคุกให้รอการลงโทษและคุมความ
               ประพฤติ


                         จ าเลยใช้รถบรรทุกคันเกิดเหตุติดตั้งเครนมีน้ าหน้กรวมกันกว่ากว่าอัตราที่กฎหมายก าหนดไว้
               ๑๒,๖๐๐ กิโลกรัม เป็นการกระท าที่ไม่ค านึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อทางหลวงซึ่งเป็นสมบัติของ

               ส่วนรวม แต่หลังจากการถูกจับกุมจ าเลยก็ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด อันแสดงว่าจ าเลยยังรู้สึกส านึกใน

               ความผิด เมื่อไม่ปรากฏว่าจ าเลยเคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน จึงเห็นควรให้โอกาสจ าเลยโดยรอการลงโทษ
               จ าคุกไว้และให้คุมความประพฤติของจ าเลย เพื่อให้มีเจ้าพนักงานคอยแนะน า ช่วยเหลือ ตักเตือนหรือ

               สอดส่องดูแล ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่จ าเลยมากกว่า แต่เพื่อให้จ าเลยหลาบจ าและป้องปรามมิให้จ าเลยกระท า
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59