Page 154 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 154

๑๓๕



                                 ดับไฟคือโทสะลงได้ด้วยเมตตา ชนทั้งหลายที่มีคุณธรรมสูง ย่อมดับไฟคือโทสะลงได้ด้วย
                                                           ั
                       เมตตา และย่อมดับไฟคือโมหะด้วยปัญญา อนเป็นเครื่องทำลายกิเลสได้เด็ดขาด ชนผู้มีปัญญา รักษา
                       ตนเหล่านั้น ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืนดับไฟทั้ง ๓ กองนั้นได้แล้ว ชื่อว่าดับกิเลสได้ สิ้นเชิง
                                        ๓๕
                                ์
                       ล่วงพ้นทุกขได้ทั้งสิ้น  ธรรมที่ควรเจริญ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญธรรม ๓ ประการ เพื่อละธรรม
                       ๓ ประการนี้ ธรรม ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. ภิกษุควรเจริญอสุภะเพื่อละราคะ ๒. ภิกษุควรเจริญ

                                                                     ๓๖
                       เมตตาเพื่อละโทสะ ๓. ภิกษุควรเจริญปัญญาเพื่อละโมหะ
                                                                          ื่
                                 ภิกษุทั้งหลาย ภิกษควรเจริญธรรม ๔ ประการนี้เพอรู้ยิ่งโทสะ (ความคิดประทุษร้าย) เพอ
                                                ุ
                                                                                                        ื่
                       กำหนดรู้โทสะ เพื่อความสิ้นโทสะ เพื่อละโทสะ เพื่อความสิ้นไปแห่งโทสะ เพื่อความเสื่อมไปแห่ง
                       โทสะ เพื่อความคลายไปแห่งโทสะ เพื่อความดับไปแห่งโทสะ เพื่อความสละโทสะ เพื่อความสละคืน

                       โทสะ โมหะ (ความหลง) โกธะ (ความโกรธ) อุปนาหะ (ความผูกโกรธ) มักขะ (ความลบหลู่คุณท่าน)
                       ปลาสะ (ความตีเสมอ) อิสสา (ความริษยา) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) มายา (มารยา) สาเถยยะ (ความ

                       โอ้อวด) ถัมภะ (ความหัวดื้อ) สารัมภะ (ความแข่งดี) มานะ (ความถือตัว) อติมานะ (ความดูหมิ่น) มทะ

                                                                                                       ๓๗
                       (ความมัวเมา) ปมาทะ (ความประมาท) ภิกษุควรเจริญธรรม ๔ ประการนี้ เพื่อความสละคืนปมาทะ
                                 ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญธรรม ๖ ประการ เพื่อรู้ยิ่งราคะ ธรรม ๖ ประการ คือ ๑.

                                                                              ึ
                       พุทธานุสสติ (การระลึกถึงพระพุทธเจ้า) ๒. ธัมมานุสสติ (การระลึกถงพระธรรม) ๓. สังฆานุสสติ (การ
                       ระลึกถึงพระสงฆ์) ๔. สีลานุสสติ (การระลึกถึงศีล) ๕. จาคานุสสติ (การระลึกถึงการบริจาค) ๖.

                       เทวตานุสสติ (การระลึกถึงเทวดา) ภิกษุทั้งหลาย บุคคลควรเจริญธรรม ๖ ประการ เพื่อรู้ยิ่งโทสะ

                       (ความคิดประทุษร้าย) เพื่อกำหนดรู้โทสะ เพื่อความสิ้นโทสะ เพื่อละโทสะ เพื่อความสิ้นไปแห่งโทสะ
                       เพื่อความเสื่อมไปแห่งโทสะ เพื่อความคลายไปแห่งโทสะ เพื่อความดับไปแห่งโทสะ เพื่อความสละ

                       โทสะ เพื่อความสละคืนโทสะ โมหะ (ความหลง) โกธะ (ความโกรธ) ปนาหะ (ความผูกโกรธ) ... ภิกษุ
                                                                                  ๓๘
                       ทั้งหลาย บุคคลควรเจริญธรรม ๖ ประการนี้แล เพื่อความสละคืนปมาทะ

                                 พระพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุวัชชีบุตรว่า เมื่อเธอศึกษาอธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และ
                       อธิปัญญาสิกขาอยู่ ก็จักละราคะ โทสะและโมหะได้ เพราะละราคะ โทสะ และโมหะได้ เธอจักไม่ทำ

                       กรรมที่เป็นอกุศลจักไม่ประพฤติสิ่งที่เลวทรามอีก  อโทสะจัดเป็นกุศลมูล กรรมที่บุคคลผู้ไม่มี โทสะ
                                                               ๓๙





                                 ๓๕  ขุ.อิติ. (ไทย) ๒๕/๙๓/๔๖๗-๗๘๔.
                                 ๓๖  องฺ.ฉกฺก. (ไทย) ๒๒/๑๐๗/๖๒๙-๖๔๔.
                                 ๓๗  องฺ.จตุกฺก. (ไทย) ๒๑/๓๐๔/๓๙๒-๓๙๒.

                                 ๓๘  องฺ.ฉกฺก. (ไทย) ๒๒/๑๔๑/๖๔๓-๖๔๔.
                                 ๓๙  องฺ.ทุก. (ไทย) ๒๐/๘๕/๓๑๑-๔๑๑.
   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159