Page 152 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 152

๑๓๓



                          ี
                       ไม่มขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไปยังสัตว์โลกทุกหมู่เหล่าอันเป็นอารมณ์ของ เมตตาจิตนั้น
                       อยู่” ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายควรสำเหนียกด้วยอาการดังกล่าวมานี้
                                                                                ๒๗

                                 พระพุทธเจ้าทรงเตือนพระโมลิยผัคคุนะผู้มักโกรธ ดังนี้ ถ้าใคร ๆ ติเตียนต่อหน้าเธอ แม้
                       ในข้อนั้น เธอควรละฉันทะและวิตกอันอาศัยเรือนเสีย เธอควรสำเหนียกอย่างนี้ว่า “จิตของเราจักไม่

                       แปรผัน เราจักไม่เปล่งวาจาชั่วหยาบ และจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่อย่างผู้มีเมตตาจิต
                       ไม่มีโทสะ” เธอควรสำเหนียกอย่างนี้แล ผัคคุนะ เพราะฉะนั้น ถ้าใครๆ จะพึงทำร้ายเธอด้วยฝ่ามือ

                       ก้อนดิน ท่อนไม้และศัสตรา แม้ในข้อนั้น เธอควรละฉันทะและวิตกอันอาศัยเรือนเสีย เธอควร

                       สำเหนียกอย่างนี้ว่า “จิตของเราจักไม่แปรผัน เราจักไม่เปล่งวาจาชั่วหยาบ และจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่ง
                       ที่เป็นประโยชน์อยู่อย่างผู้มีเมตตาจิต ไม่มีโทสะ” ผัคคุนะเธอควรสำเหนียกอย่างนี้แล
                                                                                            ๒๘

                                                              ุ
                                               ั
                                 การแผ่เมตตาจิตอนไพบูลย์ โอวาทอปมาด้วยเลื่อย ภิกษุทั้งหลาย หากพวกโจรผู้ ประพฤติ
                       ต่ำทราม จะพึงใช้เลื่อยที่มีที่จับ ๒ ข้างเลื่อยอวัยวะน้อยใหญ่ ผู้มีใจคิดร้ายแม้ในพวกโจรนั้น ก็ ไม่ชื่อว่า
                       ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น แม้ในข้อนั้น เธอทั้งหลายควร สำเหนียกอย่างนี้
                       ว่า “จิตของเราจักไม่แปรผัน เราจักไม่เปล่งวาจาชั่วหยาบ และจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่ง ที่เป็นประโยชน์

                       อยู่อย่างผู้มีเมตตาจิต ไม่มีโทสะ เราจักแผ่เมตตาจิตไปให้บุคคลนั้นอยู่ และเราจักแผ่ เมตตาจิตอัน

                       ไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขตไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนไปยังสัตว์โลกทุกหมู่ เหล่าอันเป็น
                       อารมณ์ของเมตตาจิตนั้นอยู่” ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายควรสำเหนียกด้วยอาการ ดังกล่าวมานี้
                                                                                                     ๒๙

                                 กุศลมูล คือ อโทสะ อโทสะ เป็นไฉน ความไม่คิดประทุษร้าย กิริยาที่ไม่คิด ประทุษร้าย
                       ภาวะที่ไม่คิดประทุษร้าย ความมีไมตรี กิริยาที่สนิทสนม ภาวะที่สนิทสนม ความเอ็นดู กิริยาที่เอ็นดู

                       ภาวะที่เอ็นดู ความแสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ความสงสาร ความไม่พยาบาท ความไม่คิด เบียดเบียน

                                                    ๓๐
                       กุศลมูลคือ อโทสะ นี้เรียกว่า อโทสะ
                                 ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในตนและภายนอกตนอยู่ เป็นอย่างไร ภิกษุในธรรม วินัยนี้

                       รู้ชัดจิตมีราคะว่า จิตมีราคะ หรือรู้ชัดจิตปราศจากราคะว่า จิตปราศจากราคะ รู้ชัดจิตมีโทสะว่า จิตมี
                       โทสะ หรือรู้ชัดจิตปราศจากโทสะว่าจิตปราศจากโทสะ รู้ชัดจิตมีโมหะว่า จิตมีโมหะ หรือรู้ชัดจิต

                       ปราศจากโมหะว่า จิตปราศจากโมหะ รู้ชัดจิตหดหู่ว่า จิตหดหู่ หรือรู้ชัดจิตฟุ้งซ่านว่า จิตฟ้งซ่าน รู้ชัด
                                                                                                 ุ
                       จิตที่เป็นมหัคคตะว่า จิตเป็นมหัคคตะ หรือรู้ชัดจิตที่ไม่เป็นมหัคคตะว่า จิตไม่เป็นมหัคคตะ รู้ชัดจิตที่





                                 ๒๗  ม.มู. (ไทย) ๑๒/๒๒๙/๒๔๑-๕๕๔.
                                 ๒๘  ม.มู. (ไทย) ๑๒/๒๒๔/๒๓๕-๕๕๔.

                                 ๒๙  ม.มู. (ไทย) ๑๒/๒๓๒/๒๔๔-๕๕๔.
                                 ๓๐  อภิ.สงฺ. (ไทย) ๓๔/๑๐๖๒/๒๗๑-๓๘๘.
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157