Page 172 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 172
๑๕๓
ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วย โมหะบ้างได้ วิตกอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นย่อมตั้งอยู่ไม่ได้
เพราะละวิตกอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นได้ จิตย่อมตั้งมั่น สงบ เป็นภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิ
ู
ในภายในโดยแท้ หญิงสาวหรือชายหนุ่มที่ชอบแต่งตัว มีผู้นำซากง ซากสุนัข หรือซากศพ มนุษย์มาผูก
ไว้ที่คอย่อมรู้สึกอีดอัด ระอา และรังเกียจ แม้ฉันใด ภิกษุนั้น ก็ฉันนั้น เหมือนกัน หากเมื่อ มนสิการ
นิมิตอื่น ซึ่งประกอบ ด้วยกุศลนอกจากนิมิตนั้น วิตกอันเป็นบาปอกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง
ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้าง ยังเกิดขึ้นอีก ภิกษุนั้นควรพิจารณาโทษแห่งวิตก
เหล่านั้นว่า ‘วิตกเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอกุศลแม้อย่างนี้ วิตกเหล่านี้ล้วนแต่มี โทษแม้อย่างนี้ วิตกเหล่านี้
ล้วนแต่มีทุกข์เป็นวิบากแม้อย่างนี้’ เมื่อเธอพิจารณาโทษแห่งวิตกเหล่านั้นอยู่ เธอย่อมละวิตกอันเป็น
บาปอกุศลซึ่ง ประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้างได้ วิตกอันเป็น
บาปอกุศลเหล่านั้นย่อมตั้ง อยู่ไม่ได้ เพราะละวิตกอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นได้ จิตย่อมตั้งมั่น สงบ
เป็นภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิในภายในโดยแท้
[๒๑๘] ภิกษุทั้งหลาย หากเมื่อภิกษุนั้นพิจารณาโทษแห่งวิตกเหล่านั้นอยู่ วิตกอันเป็น
บาปอกุศลซึ่ง ประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้าง ยังเกิดขึ้นอีก
ภิกษุนั้นไม่ควรระลึกถึง ไม่ควรมนสิการวิตกเหล่านั้นเมื่อ เธอไม่ระลึกถึงไม่มนสิการเหล่านั้นอยู่ เธอ
ย่อมละวิตกอันเป็นบาปอกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะ
บ้างได้ วิตกอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะละวิตกอัน เป็นบาปอกุศลเหล่านั้นได้ จิต
ย่อมตั้งมั่น สงบ เป็นภาวะที่จิต เป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิในภายในโดยแท้ คนมีตาดีไม่ต้องการที่จะเห็น
รูปที่ผ่านมา เขาควรหลับตาหรือเหลียวไปทางอื่นเสีย แม้ฉันใด ภิกษุนั้นก็ฉันนั้นเหมือนกัน หากเมื่อ
ึ
พิจารณาโทษแห่ง วิตกเหล่านั้นอยู่ วิตกอันเป็นบาปอกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ยังเกิดข้นอีกนั่น
แล ฯลฯ เป็นภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิ ในภายในโดยแท้
[๒๑๙] ภิกษุทั้งหลาย ๔. หากเมื่อ ภิกษุนั้น ไม้ระลึกถึงไม่มนสิการวิตกเหล่านั้น วิตกอัน
เป็นบาปอกุศลซึ่ง ประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้าง ยังเกิดขึ้น
อีก ภิกษุนั้น ควรมนสิการวิตักกสังขารสัณฐาน แห่งวิตกเหล่านั้น เมื่อเธอมนสิการวิตักกสังขารสัณฐาน
แห่งวิตกเหล่านั้นเธอย่อมละวิตกอันเป็นบาปอกศลซึ่ง ประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง
ุ
ประกอบด้วย โมหะบ้างได้ วิตกอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นย่อมตั้งอยู่ไม่ได้้ เพราะละวิตกอันเป็นบาป
อกุศลเหล่านั้นได้ จิตย่อมตั้งมั่น สงบ เป็นภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิในภายในโดยแท้ คนเดิน
เร็ว เขาจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘เราจะรีบเดินทำไม ถ้ากระไร เราควร ค่อย ๆ เดิน’ เขาก็ค่อย ๆ
ึ
เดิน เขาจะพงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘เราจะค่อย ๆ เดินทำไม ถ้ากระไร เราควรยืน’ เขากยืน เขาจะ พง ึ
็
มีความคิดอย่างนี้อีกว่า ‘เราจะยืนอยู่ทำไม ถ้ากระไร เราควรนั่ง’ เขาจึงนั่ง เขาจะพึงมีความคิดอย่างนี้
อกว่า ‘เราจะนั่งอยู่ทำไม ถ้ากระไร เราควรนอน’ เขาก็นอน คนผู้นั้นเว้นอิริยาบถหยาบ ๆ แล้วพึงใช้
ี
อริยบถละเอียดๆ แม้ฉันใด ภิกษุนั้น ก็ฉันนั้น เหมือนกัน หากเมื่อไม่ระลึกถึงมนสิการวิตกเหล่านั้น

