Page 171 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 171
๑๕๒
สรุปสาระสำคัญของพระสูตร คือ ๑. บุคคลผู้มีความโกรธจะอยู่ร่วมกับอริยบุคคลไม่ได้
หรือ ความโกรธจะเกิดร่วมพร้อมเมตตาไม่ได้ คือ โดยสัจธรรมเมื่อเมตตาเกิดความโกรธย่อมไม่เกิด ๒.
บุคคลควรฝึกตนให้เหมือนท้าวสักกะจอมเทพ เพื่อให้ยักษ์ภายในใจเราให้หายไป
๕) วิตักกสัณฐานสูตร
วิตักกสัณฐานสูตร เป็นพระสูตรที่ปรากฏใน พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
วิตักกสัณฐานสูตร ว่าด้วยอาการแห่งวิตก มีเนื้อความ ดังนี้
เนื้อความเดิมจากพระไตรปิฎก
[๒๑๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของอนาถบณิฑกิเศรษฐี เขตกรงุสาวัตถี ณ ที่นั้น แล พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุ
ทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย” ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้
ุ
ตรัสเรื่องนี้ว่า อุบายกำจัดอกุศลวิตก “ภิกษทั้งหลาย ภิกษุผู้ขวนขวายในอธิจิต ควรมนสิการถึงนิมิต ๕
ประการนี้ ตามเวลาอันสมควร นิมิต ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. เมื่อภิกษุในธรรมวินัยนี้อาศัยนิมิตใด
แล้ว มนสิการนิมิต ใดอยู่ วิตกทั้งหลายอันเป็นบาปอกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบ ด้วย
โทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้าง ย่อมเกิดขึ้น ภิกษุนั้นควร มนสิการนิมิต อื่น ซึ่งประกอบด้วยกุศล
นอกจากนิมิต นั้น เมื่อ เธอ มนสิการนิมิต อื่น ซึ่งประกอบด้วยกุศลนอกจากนิมิต นั้น เธอย่อมละ วิตก
อันเป็นบาปอกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วย โทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้างได้ วิตก
อนเป็นบาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะละวิตกอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นได้ จิตย่อมตั้งมั่น
ั
สงบ เป็นภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิในภายใน โดยแท้ ช่างไม้หรือลูกมือของช่างไม้ผู้ชำนาญ ใช้
ลิ่มอันเล็ก ตอก โยก ถอนลิ่มอันใหญ่ออกได้ แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อ อาศัยนิมิต ใดแล้ว
มนสิการนิมิตใด วิตกทั้งหลายอันเป็น บาปอกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง
ื่
ประกอบด้วยโมหะบ้าง ย่อมเกิดขึ้น ภิกษุนั้น ควรมนสิการนิมิตอน ซึ่งประกอบด้วยกุศลนอกจากนิมิต
นั้น เมื่อ เธอมนสิการนิมิตอื่น ซึ่งประกอบด้วยกุศลนอกจากนิมิตนั้น เธอย่อมละวิตกอันเป็น บาป
อกุศล ซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะบ้างได้ วิตกอันเป็นบาป
อกุศลเหล่านั้น ย่อม ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะละวิตกอนเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นได้ จิตย่อม ตั้งมั่น สงบ เป็น
ั
ภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น มีสมาธิในภายในโดยแท้
[๒๑๗] ภิกษุทั้งหลาย หากเมื่อ ภิกษุนั้น มนสิการนิมิต อื่น ซึ่งประกอบด้วยกุศลนอกจาก
นิมิตนั้น วิตกอันเป็นบาปอกุศลซึ่งประกอบด้วยฉันทะบ้าง ประกอบด้วยโทสะบ้าง ประกอบด้วยโมหะ
บ้าง ยังเกิดขึ้นอีกนั่นแล ภิกษุนั้นควรพิจารณาโทษแห่งวิตกเหล่านั้นว่า ‘วิตกเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอกุศล
แม้อย่างนี้ วิตกเหล่านี้ล้วนแต่มีโทษแม้อย่างนี้ วิตกเหล่านี้ล้วนแต่มีทุกข์เป็นวิบากแม้อย่างนี้’ เมื่อเธอ
พิจารณา โทษแหง่ วิตกเหล่านั้นอยู่ เธอย่อมละวิตกอันเป็นบาปอกุศลซึ่ง ประกอบด้วยฉันทะบ้าง

