Page 176 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 176
๑๕๗
ิ
ั
๔.๓ การบูรณาการการจดการความโกรธตามหลักจตวิทยาด้วยหลักธรรมในคัมภีร์
พระพุทธศาสนาเถรวาท
การบูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยากับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
เถรวาท สามารถทำได้โดยการนำเทคนิคทั้งสองมาปรับใช้ร่วมกัน การบูรณาศาสตร์ทั้งสองช่วยให้การ
จัดการความโกรธมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้นว่าศาสตร์ทั้งสองมีทัศนะและมุมมองต่อความโกรธและ
วิธีการจัดการความโกรธที่ต่างกันในบางประเด็น แต่มีเป้าหมายเหมือนกันคือการพัฒนาจิตใจให้มี
ทักษะที่เหมาะสมในการจัดการความโกรธไม่ให้ส่งผลเสียทั้งต่อผู้อื่นและตนเอง ได้ผลการบูรณาการทั้ง
การบูรณาการการจัดการความโกรธเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ดังนี้
๔.๓.๑ การบูรณาการจัดการความโกรธเชิงคุณภาพ
ผลการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้ประเด็นของการบูรณาการ ๓
ประเด็น ดังนี้
๑) การบูรณาการการจัดการความโกรธเชิงพุทธจิตวิทยา (Psychological Buddhism
approach to Anger Management)
เป็นการนำเทคนิควิธีการจัดการความโกรธ (Anger Management) ทางจิตวิทยา
ร่วมกับหลักธรรมระงับความโกรธในพุทธศาสนาเถรวาท มาผสมผสานร่วมกันแบบ Hybrid
approaches คือ การรวมเอาจุดเด่นและคุณสมบัติเฉพาะจากแนวทางหรือวิธีการที่แตกต่างกันมาใช้
ร่วมกัน เพื่อให้การจัดการความโกรธมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยการใช้เทคนิควิธีการ
จัดการความโกรธทางจิตวิทยาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อการเผชิญความโกรธอย่างมี
ุ
สติรู้เท่าทันอารมณ์โกรธด้วยหลักธรรมทางพระพทธศาสนา ผู้วิจัยสังเคราะห์การบูรณาการจากข้อมูล
เชิงคุณภาพโดยนำผังกรอบแนวคิด “การบูรณาการการจัดการความโกรธทางจิตวิทยา” มาร่วมบูรณา
การกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ผู้วิจัยเขียนเป็นผังองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยโดยให้ชื่อว่า “การบูรณาการการจัดการ
ความโกรธเชิงพุทธจิตวิทยา (Anger Management in Psychological Buddhism)
หรือ RRCCFLHR-Model” ประกอบด้วย ๗ เทคนิค คือ ๑. การรับรู้และยอมรับความโกรธ
(Recognizing and Accepting Anger) ๒. การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย (Relaxation) ๓. การ
จัดการกับความคิด (Cognitive Restructuring) ๔. การสื่อสารที่ดี (Better Communication) ๕.
การให้อภัย (Forgiveness) ๖. การปล่อยวาง (Letting Go) และ ๗. การใช้อารมณ์ขัน (Using
Humor) และ การระบายอารมณ์ (Rage room) (รายละเอียดตามภาพที่ ๔.๖)
