Page 235 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 235
บทที่ ๕
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
การวิจัยเรื่อง “บูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยาด้วยหลักธรรมในคัมภีร์
พระพุทธศาสนาเถรวาท” มีวัตถุประสงค์การวิจัย ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และ
ุ
การจัดการความโกรธทางจิตวิทยา ๒) เพื่อศึกษาหลักธรรมระงับความโกรธในคัมภีร์พระพทธศาสนา
เถรวาท และ ๓) เพื่อบูรณาการการจัดการความโกรธตามหลักจิตวิทยาด้วยหลักธรรมในคัมภีร์
พระพุทธศาสนาเถรวาท โดยใช้วิจัยการวิจัยแบบผสมวิธี (Mixed Methods Research) ประเภทการ
วิจัยแบบขั้นตอนเชิงสำรวจ (Exploratory Sequential Design) เริ่มจากการวิจัยเชิงคุณภาพ
(Qualitative Research) ด้วยรูปแบบการศึกษาเชิงเอกสาร (Documentary Study) ตามด้วยการ
วิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ด้วยรูปแบบการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Study) และ
ใช้เทคนิคการวิเคราะห์สมการความสัมพันธ์เชิงโครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM)
รูปแบบวิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA) สรุป
ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังต่อไปนี้
๕.๑ สรุปผลการวิจัย
๕.๒ อภิปรายผลการวิจัย
๕.๓ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย
๕.๔ ข้อค้นพบที่สำคัญจากการวิจัย
๕.๕ ข้อเสนอแนะ
๕.๑ สรุปผลการวิจัย
๕.๑.๑ การจัดการความโกรธทางจิตวิทยา
ู
ิ
๑) ข้อมลทั่วไปของความโกรธทางจิตวทยา จิตวิทยามีทัศนะว่าความโกรธเป็นอารมณ์
ตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน อันเกิดจากการมีสิ่งเร้าหรือเหตุการณ์เข้ามากระตุ้นและโดยอาศัย
ประสบการณ์และการเรียนรู้ร่วมประเมินสิ่งเร้านั้นว่าส่งผลกระทบทางลบหรือไม่เป็นประโยชน์ก็จะ
เกิดอารมณ์โกรธ ทั้งนี้ยังมีปัจจัยด้านต่าง ๆ เข้ามาร่วมส่งผลต่อการแสดงความโกรธอีกหลายปัจจัย
เช่น ปัจจัยทางชีวภาพ ปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม จิตวิทยามองว่า
ความโกรธมีทั้งด้านบวกและด้านลบ หากเป็นไปด้านบวกจะส่งผลดีต่อบุคคล แต่หากเป็นไปด้านลบ

