Page 244 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 244
๒๒๓
๕.๒ อภิปรายผลการวิจัย
การอภิปรายได้เลือกประเด็นที่สำคัญที่เชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ คำถามวิจัยและข้อ
ค้นพบที่สำคัญในการวิจัย มานำเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๕.๒.๑ การจัดการความโกรธทางจิตวิทยาและพุทธศาสนาเถรวาท
จากการศึกษา ความหมาย ลักษณะ ประเภท ประโยชน์ ผลกระทบ และวิธีจัดการความ
โกรธในศาสตร์ทั้งสอง มีความคล้ายกันและต่างกัน คือ
๑) ความหมายความโกรธ ในทางจิตวิทยาเห็นว่าเป็นอารมณ์ปกติตามธรรมชาติของ
มนุษย์ มีทั้งด้านที่เป็นคุณและด้านเป็นโทษ อยู่ที่การเลือกใช้ประโยชน์ของความโกรธอย่างสร้างสรรค์
และเหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ผลที่ได้จะทำให้รู้สึกสบายใจ มีความสุข มีประสิทธิภาพการ
คิดและการทำงาน ผู้ที่มีทัศนะเชิงบวกนี้ เช่น สไปร์เบอร์เกอร์ กล่าวว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมแบบ
ควบคุมความโกรธ (Assertive behavior) บุคคลจะแสดงความโกรธออกมาเป็นพฤติกรรมเชิง
ุ
สร้างสรรค์ (Constructive behavior)สำหรับทางพระพทธศาสนาเห็นว่าความโกรธเป็นอกุศลมูล ๓
(ราคะ โทสะ โมหะ) เป็นกิเลสฝ่ายต่ำเมื่อเกิดขึ้นมีแต่ความเสื่อมและการทำลายร้าย ควรกำจัดเสีย ดัง
พระพุทธพจน์ว่า “ธรรมที่เป็นบาปอกุศลอันเกิดจาก ราคะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ) และ โมหะ
์
้
ั
(ความไม่รู้) ครอบงำจิต มีจิตอนอกุศลธรรมกลุ้มรุมในปัจจุบัน ย่อมเป็นทุกข ลำบาก คับแคน เมื่อแตก
ตายไป ย่อมตกสู่ทุคติภูมิ ในประเด็นนี้ผู้วิจัยมีทัศนะว่าความโกรธไม่ควรถูกตีความว่าเป็นแรงกระตุ้นที่
สร้างสรรค์แต่เป็นแรงกระตุ้นเชิงทำลายจึงไม่ควรนำความโกรธมาใช้ในการจัดการความโกรธ
๒) กระบวนการเกิดอารมณ์โกรธ ในทางจิตวิทยาพบว่ากระบวนการเกิดอารมณ์โกรธอน
ั
เป็นผลมาจากความคิด ทั้งนี้ เดวิสัน (Davidson)ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า อารมณ์ (โกรธ) ที่เกิดขึ้นเป็น
ผลมาจากการตีความหรือการแปลความหมายสิ่งที่เกิดขึ้น โดยอาศัยการเรียนรู้และประสบการณ์ใน
อดีต ที่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทำให้บุคคลตีความว่าสถานการณ์ (สิ่งเร้า) นั้น ๆ เป็นไปในทางบวกหรือลบ
ทั้งนี้หากประเมินแล้วเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดเป็นลบหรือไม่เกิดประโยชน์ จะตอบสนองต่อสิ่งเร้าเชิง
ลบ หากเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดเป็นบวกหรือเกิดประโยชน์ จะตอบสนองต่อสิ่งเร้าเชิงบวก สำหรับ
มุมมองพระพุทธศาสนาแล้วความโกรธบางกรณีไม่ได้ขึ้นกับสิ่งเร้าว่าเป็นประโยชน์หรือโทษต่อตน แต่
ขึ้นกับกิเลสในใจของบุคคลเป็นเหตุ ยกตัวอย่างเช่น หากจิตบุคคลเกิดนิวรณ์ โดยเฉพาะเมื่อเกิด
อทธัจจกุกกุจจะนิวรณ์ แม้นได้ยินคำพดที่ดี ได้รับการกระทำที่ดี ก็โกรธ และยิ่งพูดไม่ดี การกระทำไม่
ุ
ู
ดี ไม่เพียงแต่โกรธยังเกิดโทสะทำร้ายกันและกัน เพราะจิตเกิดความฟุ้งซ่านรำคาญใจครอบงำแล้ว
หรือหากเป็นพยาบาทนิวรณ์ยิ่งเกิดการทำร้ายทำลายกันถึงขั้นฆ่ากันตายหรือจ้างวานผู้อื่นฆ่า เรื่อง
ความพยาบาทก็มีปรากฏในสมัยพุทธกาลเช่นเรื่องของนางมาคันทิยาผูกอาฆาตพระพุทธเจ้า ครั้นที่
พระพทธเจ้าทรงเสด็จไปแสดงธรรมแก่บิดาและมารดาของนางมาคันทิยา เมื่อแสดงธรรมจบบิดานาง
ุ

