Page 245 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 245

๒๒๔



                       บรรลุเป็นพระอนาคามี ส่วนมารดาบรรลุเป็นพระโสดาบัน ส่วนนางคันทิยากับแค้นและผูกพยาบาท
                       อาฆาตพระพุทธเจ้าด้วยเหตุที่ไม่พอใจพระดำรัสของพระพุทธเจ้า (แม้เป็นสัจจะธรรมก็ตาม) หาก

                       อธิบายในเชิงจิตวิทยาแล้ว พระธรรมที่แสดงแก่บิดา มารดา และนางมาคันทิยา ก็ข้อความหรือสาร
                                          ั
                       (Message) เดียวกัน ฟงพร้อมกัน เวลาเดียวกัน ผู้พคนเดียวกัน แต่ฟังจบ พ่อและแม่บรรลุอริยบุคคล
                                                                 ู
                       แต่นางมาคันทิยากลับไม่บรรลุสิ่งใดนอกจากผูกความโกรธพยาบาทไว้เที่ยวจ้างวานคนมาด่า

                            ุ
                                                ุ
                       พระพทธเจ้า เมื่อทำอะไรพระพทธเจ้าไม่ได้ก็ไปเผาสาวกของพระพุทธเจ้า ๕๐๐ ศพ เรื่องนี้สะท้อนให้
                       เห็นถึงกระบวนการเกิดความโกรธของบุคคลได้ว่า ความโกรธเกิดที่ไม่ได้เกิดจากบุคคลอื่น สัตว์ หรือ
                       สิ่งของใดๆ แต่เกิดจากจิตผู้ผูกโกรธเป็นต้นเหตุ ดังนั้น กระบวนการเกิดความโกรธทางพระพุทธศาสนา
                       จึงต่างกับทางจิตวิทยาและต่างกับความเข้าใจของบุคคลทั่วไป


                                 ๓) ขั้นตอนการแสดงความโกรธ ทางจิตวิทยาส่วนใหญ่มีทัศนะว่าความโกรธจะเกิดขึ้นได้
                       ก็ต่อเมื่อบุคคลถูกสิ่งเร้าหรือเหตุการณ์มากระตุ้นแล้วร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างต่อเนื่องและ

                       รวดเร็ว เช่น จาคูโปสกิ และ เลง (Jakuboski and Lange) เสนอขั้นตอนการเกิดความโกรธไว้ว่า

                       ขั้นตอน ๑) ขั้นคุกคาม (Threat Stage) เป็นขั้นเริ่มต้นที่บุคคลรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคามทางด้าน
                       ร่างกายและจิตใจจากบุคคลหรือสิ่งของ หากเขาไม่สามารถจะจัดการกับสิ่งที่มาคุกคามได้ จะนำไปสู่

                       ขั้นตอน ๒) ประเมินอันตราย (Assessment of Danger) ในขั้นนี้บุคคลจะประเมินอันตรายจากสิ่ง

                       คุกคามทันที จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ ๓) ประเมินพลังของตนเอง (Assessment of Power) ถ้าบุคคล
                       ประเมินว่าตนเองมีอำนาจควบคุมเพียงพอหรือเรื่องคุกคามเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ บุคคลก็จะวาง

                       เฉย แต่ถ้าประเมินแล้วติดสินว่าตนเองไม่มีอำนาจควบคุมการคุกคามนั้นได้ บุคคลก็จะรู้สึกโกรธและ
                       หาวิธีการป้องกันตนเอง นำไปสู่ขั้นตอนที่ ๔) การแสดงความโกรธ (Anger Stage) บุคคลเมื่อเกิด

                       ความโกรธขึ้นอาจแสดงออกด้วยความก้าวร้าว โดยการทุบตี เตะต่อยผู้อื่น ฆ่าผู้อื่น และหรือ ฆ่าตัวเอง

                                 ส่วนพระพุทธศาสนาในพระอภิธัมมัตถสังคหะ จิตตสังคหวิภาค เรื่อง โทสมูลจิต แสดง

                       กล่าวถึงความโกรธเกิดจากโทสมูลจิตของบุคคล เมื่อเกิดผัสสะทางอายตนะ ๖ ขึ้นทางใดทางหนึ่ง หาก

                       การรับรู้อารมณ์นั้นขาดสติ กิเลสสายโทสะจะเริ่มต้นโดยลำดับแรกคืออรติ บุคคลย่อมเกิดความไม่
                       ยินดีกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมก็ตาม หากไม่ได้ระงับส่งผล

                       ให้เกิดปฏิฆะ เป็นกิเลสที่เกิดสืบเนื่องต่อจากอรติจะก่อตัวมีกำลังด้วยอำนาจของกิเลสสายความโกรธ
                       บุคคลจึงแสดงอาการขัดเคืองใจ เดือดดาลใจ หากไม่ได้ระงับส่งผลให้เกิด โกธะ เป็นลำดับที่สามของ

                       ความโกรธอาศัยอำนาจแห่งกิเลสสายความโกรธ บุคคลจึงแสดงอาการโกรธออกมาอย่างชัดเจน

                       สังเกตได้จากอาการแสดงออกทางกายและวาจา เช่น อาการโกรธจนตัวสั่น ดวงตาขมึงโต ตีหน้ายักษ์
                       พดคำหยาบ  เกิดการด่าทอ ทะเลาะวิวาทแต่ยังไม่ถึงกับลงมือทำประทุษร้ายทำร้ายกัน เป็นต้น หาก
                        ู
                       ไม่ได้ระงับส่งผลให้เกิดโทสะ เป็นลำดับที่สี่ของความโกรธคือความประทุษร้าย เป็นอารมณ์ที่

                       ประทุษร้ายจิต ทำให้จิตเศร้าหมอง ร้อนรุ่ม เมื่อเกิดโทสะแล้วเป็นเหตุให้บุคคลย่อมเกิดการประทุษ
   240   241   242   243   244   245   246   247   248   249   250