Page 99 - ขอเสนอเชงนโยบายเพอสนบสนนฯ e-book 1_Neat
P. 99

การมีช่องทางเพิ�มเติมให้กฎหมายล้าสมัยได้้ถีูกหยิบยกขึ้นมาโด้ยประชาชน
                                         มากกว่าจากรัฐเองพร้อมกับกระบวนการท�างานที�ชัด้เจน ที่ผ่ำนมำกฎหมำยที่ล้ำสมัย
                                         หรือเป็นอุปสรรคมักจะใช้วิธีกำรให้หน่วยงำนรัฐทบทวนควำมจ�ำเป็นเป็นรอบระยะเวลำ

                                         ตำมกรอบกฎหมำยกำรประเมินผลสัมฤทธิ�ของกฎหมำย แนวทำงนี้ยำกที่จะ
                                         สัมฤทธิ�ผลหรือมีอุปสรรค เพรำะกำรยกเลิกบทบำทหน้ำที่ตนเองของหน่วยงำน
                                         รวมถึงอ�ำนำจหน้ำที่ที่มีมักจะไม่เกิดขึ้นโดยสมัครใจ และกำรก�ำกับดูแลในระดับ
                                         นโยบำยก็อำจจะไม่มีข้อมูลชัดเจนเพียงพอในกำรผลักดัน กำรเปลี่ยนทิศทำงให้

                                         ประชำชนมีช่องทำงเพิ่มเติมในกำรน�ำเสนอหรือร้องเรียนขึ้นมำ น่ำจะเป็นแนวทำง
                                         ที่ควรได้รับกำรพิจำรณำ เช่น กรณีของศำลยุติธรรม ได้ริเริ่มขึ้นแล้วจำกระเบียบภำยใน
                                         ส�ำหรับกำรท�ำงำน

                                                แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีกำรร้องเรียนและหยิบยกกฎหมำยหรือระเบียบที่ล้ำสมัย
                                         หรือเป็นอุปสรรคต่อกำรด�ำรงชีวิตของประชำชนมำเป็นกรณีศึกษำบ้ำงแล้ว แต่
                                         กระบวนกำรท�ำงำนยังขำดควำมชัดเจน กำรวิเครำะห์ กำรชี้แจงท�ำควำมเข้ำใจของ

                                         หน่วยงำนรำชกำรผู้บังคับใช้กฎหมำย ยังมีทัศนคติที่แตกต่ำงกับผู้ได้รับผลกระทบ
                                         กำรขำดองค์กรที่ท�ำหน้ำที่คนกลำง ที่จะเสนอและสรุปผลกระทบและเสนอไปยังรัฐบำล
                                         เพื่อกำรตัดสินใจ กระบวนกำรเหล่ำนี้ยังขำดกำรวำงแผนหรือออกแบบเพื่อควำมยั่งยืน
                                         ท�ำให้กระบวนกำรขำดควำมเชื่อมั่นและไว้วำงใจ จนน�ำมำซึ่ึ่งกำรขำดกำรมีส่วนร่วม

                                         ของประชำชน และเป็นปัญหำของกำรไม่เชื่อมั่นในกำรปฏิรูปหรือข้อเสนอที่มีอยู่
                                         เป็นจ�ำนวนมำกในปัจจุบัน

                                                การวางหลักการของการออกกฎหมายใหม่ ๆ ให้มีรูปแบบที�ชัด้เจนตาม
                                         เป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ชาติ แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้วำงหลักกำรของ
                                         กระบวนกำรออกกฎหมำยที่ต้องผ่ำนกระบวนกำรศึกษำผลกระทบและเหตุผล

                                         ควำมจ�ำเป็นอย่ำงจริงจัง โดยให้ควำมส�ำคัญกับหลักกำรมำกกว่ำรูปแบบ ตำมที่ปรำกฏ
                                         ใน มำตรำ 77 แต่ที่ผ่ำนมำพบว่ำ กำรด�ำเนินกำรในเรื่องนี้ยังเป็นรูปแบบมำกกว่ำ
                                         กำรให้ควำมส�ำคัญต่อหลักกำร กระบวนกำรออกกฎหมำยของประเทศไทยจึงยังขำด
                                         ควำมต่อเนื่องและสอดคล้องกัน ล่ำช้ำ หรือขำดควำมรัดกุม และท�ำให้กฎหมำย
                                         มีปัญหำในแง่ผลสัมฤทธิ� และเป็นปัญหำต่อเนื่องลงไปยังชั้นของกฎหมำยลูก รวมถึง

                                         สร้ำงกฎหมำยที่ไม่มีประสิทธิภำพหรือควำมจ�ำเป็น จนต้องไปท�ำกำรสะสำงในอนำคต

                                                แนวทำงกำรด�ำเนินกำรในเรื่องนี้ ควรเป็นกำรบูรณำกำร ไม่เพียงแค่กำร
                                         พึ่งพิงหน่วยงำนรัฐที่รับผิดชอบในกำรสนับสนุนกำรออกกฎหมำย ซึ่ึ่งมีทรัพยำกร
                                         จ�ำกัด กำรท�ำกำรศึกษำและเตรียมข้อมูลจำกหน่วยงำนที่เสนอร่ำงกฎหมำย
                                         ไม่ว่ำจะเป็นหน่วยงำนรัฐหรือจำกรัฐสภำ ควรมีกำรศึกษำและเตรียมข้อมูลที่









                                                                                              นักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 63  97
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104