Page 51 - อนัมศึกษา 2
P. 51

๔๕



              นิทานชาดก   มหายานไดขยายความคิดออกไปอีกวา  ในโลกนี้ มีโพธิสัตวอยูมากมายและกำลังสะสม

              บารมีอยู แตเราไมอาจรูเห็นดวยมังสะจักษุ   (การดูอยางคนธรรมดา)   หรือความรูของสามัญชน โพธิสัตว

              เหลานี้  ไมใชเฉพาะที่เปนมนุษย   ยังมีที่เปนในรูปสัตวทั่ว ๆ ไปอีกดวย

                     ๕.มหายานถือวา ผูที่ตั้งใจจะบรรลุพุทธภูมิผูนั้น ก็เปนโพธิสัตวอยูแลว โพธิสัตวที่วานี้   ไมจำตอง

              เปนพระภิกษุเปนบุคคลธรรมดาก็ได   (และแมสัตวประเภทใดก็ได    ทั้งไมจำกัดวา  มีอาชีพประเภทใด

              อายุมากนอยเพียงใด มีความรูเทาใดหรือไม)  ดวยแนวคิดนี้  ทำใหกิจกรรมของชาวพุทธขยายตัวกวาง

              ออกไปไดอีกมาก  และในสวนที่เปนชีวิทัศนก็เลยเปนไปในแงบวกและแนวแน




              พระโพธิสัตวจริยา


                     ผูปรารถนาตนเปนพระโพธิสัตว จักตองบำเพ็ญ บารมี ๖  อัปปมัญญา ๔ และมหาปณิธาน๔


                     จะกลาวถึงเรื่องบารมีกอน  บารมีนั้น ความจริงมีอยู  ๑๐        แตมหายานยอลงเหลือ  ๖ มี ทาน
              ศีล ขันติ วิริยะ ฌาน ปญญา

                     ความหมายของบารมี  ๖ ในทรรศนะของ  “พระโพธิสัตว” มี  ดังนี้  คือ

                     ทานกับศีล เปนคูปรับ  ทำลายกิเลส คือ โลภะ กลาวคือ  กำจัดโลภะดวยในตัวเราเองแลว  พระ

              โพธิสัตวยังจะตองสอนใหสัตวทั้งหลายกำจัดโลภะดวย ศีลเปนเครื่องวิรัติไมใหเราทำความชั่ว  และเรา

              จะตองสอนใหสัตวทั้งลายวิรัติ ไมใหทำความชั่วดวย พระโพธิสัตวจะตองเปนผูนำใหสัตวทั้งหลายดำเนิน

              ตาม   ศีลกับทานเปนคุณธรรมที่สำคัญมาก   เมื่อเราปลูกฝงคุณธรรมนี้ไดแลว      จึงสมควรที่จะรองรับ

              อนุศาสนีเบื้องสูงตอ ๆ ไป   เปนลำดับได

                     ทานบารมี นั้น ทานแบงเปน ๓ ชนิด คือ วัตถุทาน อภัยทาน และธรรมทาน ทานทั้ง ๓ ชนิดนี้

              ธรรมทานเปนเลิศ เพราะวา การใหซึ่งธรรมนี้ เปนการใหปญญาแกตนเอง และทำใหผูอื่นไดปญญาดวย

                     ศีลบารมี นั้น มี ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ และศีล ๒๒๗ แตวา ทางฝายมหายานพิเศษออกไปอีก คือ

              สิกขาบทมี ๒๕๐  และมีศีลโพธิสัตวอีก ๕๘ ขอ  แบงเปนครุ ๑๐  และลหุ ๔๘ ผูใดลวงศีลพระโพธิสัตวครุ

              ๑๐ ขอ  ถือวาปาราชิก สวนลหุ ๔๘ ขอ นั้น มีอยูขอหนึ่ง ถือวา พระโพธิสัตว ผูถือศีลนั้น   เมื่อออกจาก

              สถานที่อยู หรือวาเดินไปตามถนนทนทาง ถาพบปะสิ่งมีชีวิตจะเปนมนุษยหรือสัตวเดรัจฉานก็ตาม  พระ

              โพธิสัตวตองแผเมตตา ตั้งปรารถนาขอใหสัตวนั้น ๆ ถึงซึ่งความสุข และบรรลุถึงพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิ

              ญาณ  ถาพระโพธิสัตวองคใดไมตั้งความปรารถนาอยางนี้ถือวาผิดศีล

                     ขันติกับวิริยะ เปนคูปรับ ทำลายกิเลส คือ โทสะ วิริยะบารมี และ ขันติบารมี นั้น โดยเฉพาะขอ

              ขันติบารมีหรือความอดทน   พระโพธิสัตวตองบำเพ็ญใหเกิดมี เปนธรรมดาที่ผูปฏิบัติธรรมใน
              พระพุทธศาสนา  มักจะตองผจญกับอุปสรรคที่อาจเกิดจากสิ่งแวดลอมหรือเกิดจากกิเลสในตัวเราเองได
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56