Page 48 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 48
ประวัติศาสตร์จานเดียว
พวกทหารโปรตุเกสที่เดิมทีอยู่กับฝ่ายมอญก็เริ่มโอนเอียงเพราะอยากจะอยู่
ฝ่ายชนะมากกว่า อีกทั้งทัพของพระเจ้าตะเบงชเวตี้ให้ค่าจ้างสูงกว่า พระองค์
ยื่นข้อเสนอให้เจ้าเมืองเมาะตะมะอีกครั้งแต่กลับถูกปฏิเสธ คราวนี้พระองค์
ไม่ยอมใช้ไม้นวมอีกแล้ว สั่งบุกเข้าตีเต็มกำาลังจนสุดท้ายเมาะตะมะก็แตก จับ
เจ้าเมืองและครอบครัวรวมทั้งแม่ทัพที่ต่อต้านประหารเสียทั้งหมด เป็นการ
แสดงความเด็ดขาดเพราะพระองค์ถือว่าทรงให้ทางเลือกแล้วแต่กลับไม่เลือก
เอง ดังนั้นจึงสมควรตาย
เมื่อปราบมอญได้ราบคาบนั้น พระองค์ไม่ได้ดูแคลนเชลยมอญแต่
อย่างใด กลับส่งเสริมให้ดำาเนินชีวิตกันตามเดิมแต่หนหลัง ข้าราชการ แม่ทัพ
นายกอง พ่อค้าวาณิช ต่างใช้ชีวิตกันตามปกติ ทรงแต่ตั้งชาวมอญขึ้นดำารง
ตำาแหน่งสำาคัญๆ จำานวนมาก เป็นการแสดงความยกย่องและให้เกียรติชาว
มอญเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ยังได้แต่งตั้งเจ้าหญิงมอญเป็นมเหสีและยังทรง
พระเกศาแบบชาวมอญอีกด้วย
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครจะหยุดพระเจ้าตะเบงชเวตี้ได้อีกแล้ว เมือง
แปร เมืองยะไข่ ก็ถูกปราบลงอย่างง่ายดาย อาณาจักรของพระองค์ก็ยิ่ง
ขยายแผ่ไพศาลมากขึ้น ทีนี้ก็เหลือแต่กรุงศรีอยุธยาที่รอเป็นเหยื่อรายต่อไป
ในช่วงนั้นตรงกับรัชสมัยของ สมเด็จพระไชยราชาธิราช ขณะที่
พระองค์กรีฑาทัพขึ้นปราบเมืองเชียงใหม่ ที่อยุธยาก็มีการเตรียมการชิง
บัลลังก์โดย ท้าวศรีสุดาจันทร์ จากนั้นก็เกิดการแย่งชิงอำานาจกันครั้งใหญ่
ในราชสำานักอยู่นานกว่าจะสงบราบคาบลง จากนั้นคณะผู้ก่อการจึงได้กราบ
บังคมทูลเชิญ สมเด็จพระเฑียรราชา ขึ้นครองอยุธยา ทรงพระนาม สมเด็จ
พระมหาจักรพรรดิ
พระเจ้าตะเบงชเวตี้ที่หมายจะยึดอยุธยาให้ได้ ทรงยกทัพใหญ่เข้า
มาหมายจะเหยียบกรุงศรีอยุธยาให้ราบ สงครามครั้งนี้ทำาให้เราต้องสูญเสีย
สมเด็จพระศรีสุริโยทัย หลังจากนั้นไม่นานฝ่ายอยุธยาก็ขอเจรจาสงบศึก ต้อง
๔๐