Page 50 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 50
ประวัติศาสตร์จานเดียว
แผ่นแล้วนั้น กลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลังทราบข่าว เจ้าเมืองต่างๆ ที่เคย
ศิโรราบต่างแข็งเมืองประกาศตนเป็นเอกราชเสียสิ้น
เป็นอุทธาหรณ์อย่างดีว่าแท้จริงแล้วบรรดาเมืองที่ยกธงยอมนั้นเขา
ยอมเพราะสู้ไม่ได้ แต่ไม่ได้ยอมด้วยใจจริง ทั้งที่พระองค์พยายามใช้ไม้นวม
ไม่ลงอาญา แถมยังยกเมืองให้ปกครองดังเดิม แต่นั่นอาจเป็นเพราะช่วง
เวลาแค่ ๑๕ ปี เท่านั้น จึงยังไม่อาจหลอมรวมน้ำาใจทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวได้
ไม่รู้ว่าเจ้าเมืองต่างๆ ที่ประกาศตนเป็นอิสระนั้นลืมนึกไปรึไม่ว่ายัง
มีแม่ทัพใหญ่ บุเรนองกยอดินนรธา ผู้จงรักภักดีอยู่อีกหนึ่งคน เสนาบดีทั้ง
หลายต่างเห็นพ้องกันว่าไม่มีผู้ใดมีบารมีเท่าบุเรงนองอีกแล้ว จึงพร้อมใจกัน
ยกแม่ทัพใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์สืบทอดปณิธานของพระเจ้าตะเบงชเวตี้ ในปี
พ.ศ. ๒๐๙๔
ภาระใหญ่ของพระเจ้าบุเรงนองคือการรวมแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง ขวบ
ปีแรกของการขึ้นครองราชย์ พระองค์เริ่มตีเอาเมืองหงสาวดีของพวกมอญ
ก่อน เมื่อจัดการจนราบคาบแล้ว พระองค์มิได้ทำาลายเมืองให้สมแค้น กลับ
ประกาศนิรโทษกรรม ยกให้ข้าราชการมอญทั้งหลายคงปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม
แล้วทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เมืองหงสาวดีเป็นราชธานีแห่งใหม่ ทรง
ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นที่นี่ เฉลิมพระนามาภิไธย พระเจ้าสิริสุธรรม
ราชา จากนั้นจึงเริ่มเก็บเมืองอื่นๆ เช่น เมืองแปร เมืองเมาะตะมะ เป็นต้น
และใช้วิธีเดิมคือไม่ทำาลาย ไม่ฆ่าล้างโคตร แต่ใช้ความปรานี ยกให้ข้าราชการ
กินตำาแหน่งเดิม เพียงแต่คราวนี้ทรงตั้งพระอนุชาไว้เป็นเจ้าเมืองเพื่อคอย
ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณ
จากนั้นอีกสองปี พระองค์ก็ตีกรุงอังวะแตก พระองค์ยังตะลุยต่อ
จนชนะยึดเอาแคว้นไทยใหญ่ได้ ตามด้วยนครเชียงใหม่ เป็นอันว่าทางตอน
เหนือและตะวันออกล้วนแต่กลายเป็นของพระองค์เสียหมดสิ้น ขนาดเมือง
มณีปุระริมในเขตอินเดียทางฝั่งตะวันตกก็ยังยอมส่งบรรณาการมาถวาย
๔๒