Page 51 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 51
ประวัติศาสตร์จานเดียว
ด้วยความเก่งกล้าในการศึกและการปกครอง ทำาให้พระองค์เป็นที่นับถือของ
เมืองต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเคลื่อนทัพไปที่ใดก็ล้วนแต่ได้ชัยชนะเสียทั้งสิ้น
บัดนี้อาณาจักรของพระองค์ได้แผ่ขยายไปไม่สิ้นสุด ทำาให้พระองค์ได้รับการ
ขนานว่า พระเจ้าสิบทิศ
พระองค์เริ่มจัดระบบระเบียบอาณาจักรของพระองค์ครั้งใหญ่ นำา
เอามาตราตวงวัดของพม่ามาใช้เหมือนๆ กันทั้งประเทศ รื้อฟื้นขนบธรรม
เนียมหลายๆ อย่างทั้งสำาหรับราษฎรในราชสำานัก และยังได้ฟื้นฟูพุทธ
ศาสนานิกายเถรวาทขึ้นครั้งใหญ่ ทรงปฏิรูปการปกครองของสงฆ์ด้วยพระ
สงฆ์หย่อนพระวินัยค่อนข้างมาก สั่งให้ยกเลิกการบูชาผีนัต ส่งเสริมให้
ราษฎรไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตามแต่หันมานับถือพุทธศาสนา ให้ทุกคน
ปฏิบัติและภาวนาธรรมในวันพระไม่มีเว้น ทรงสั่งให้คัดลอกพระไตรปิฏก
แจกจ่ายไปทั่วแผ่นดินจำานวนหลายพันชุด ห้ามมิให้ชาวมุสลิมฆ่าสัตว์เพื่อ
การบูชา แต่พระองค์ก็มิได้ห้ามหรือบังคับขู่เข็ญให้ชาวต่างชาตินับถือพุทธ
ศาสนาเช่นกัน พระองค์จึงได้รับความนับถือจากชาวต่างชาติต่างศาสนามาก
ทีเดียว
แล้วก็ถึงคราวของอาณาจักรไทยบ้าง เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยา
ทำาสงครามกับพระเจ้าตะเบงชเวตี้นั้น เราได้ขอเจรจาสงบศึกและยอมส่ง
บรรณาการไปให้โดยแลกกับการไม่ต้องเป็นเมืองขึ้น ทีนี้ต่อมาไทยเราเกิดไป
เป็นไมตรีกับ พระเจ้าเชษฐาธิราช แห่งล้านช้าง ซึ่งตอนนั้นกำาลังจับมือกับ
พวกไทยใหญ่ พระเจ้าบุเรงนองเล็งเห็นว่าประเดี๋ยวถ้าเกิดได้ไทยเข้าไปร่วม
อีกล่ะก็จะลำาบาก จึงเริ่มแผนการที่จะครองกรุงศรีอยุธยาให้ได้
แล้วอุบายเดิมก็ถูกนำามากลับมาใช้ใหม่อีกรอบ พระเจ้าบุเรงนอง
ส่งคณะทูตมาทูลขอช้างเผือกจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จำานวน ๒ ช้าง
ด้วยเหตุที่ว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดินั้นทรงมีช้างเผือกซึ่งเป็นช้างมงคลไว้
ในครอบครองถึง ๗ ช้าง ซึ่งนับว่ามีมากกว่าพระมหากษัตริย์ทั้งปวง จนได้รับ
๔๓