Page 49 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 49
ประวัติศาสตร์จานเดียว
เสียช้างเผือกมงคลและต้องส่งภาษีจำานวนมากให้พม่าทุกๆ ปี เพื่อแลกกับ
การไม่ต้องเป็นเมืองขึ้น แม้จะเหมือนเป็นการยอมรับอยู่กลายๆ ก็ตามที
หลังศึกครั้งนั้น พระเจ้าตะเบงชเวตี้มีพระชนมายุ ๓๒ พรรษาแล้ว
อาจจะยังไม่มากแต่พระองค์ก็ทำาศึกมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์นับได้กว่า ๒๐ ปี
ความฝันที่จะรวมแผ่นดินให้ได้อีกครั้งเหมือนสมัยพระเจ้าอนุรุทธเริ่มเป็นรูป
เป็นร่าง พระองค์จึงเริ่มคลายกังวลและทรงผ่อนคลายมากขึ้น
อารมณ์ผ่อนคลายของพระองค์คือการออกล่าสัตว์บ้าง คล้องช้าง
บ้าง แล้วก็เสพน้ำาจัณฑ์ ซึ่งเริ่มมีกระแสข่าวลือว่าพระองค์เริ่มติดและเสพจน
เมามายจนไม่เป็นอันออกว่าราชการ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจพระองค์เพราะออก
รบมาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม พอบ้านเมืองสงบแล้วจะพักผ่อนเสียหน่อยก็ถูก
บรรดาเสนาอำามาตย์ค่อนเอาว่าไม่ใส่พระทัยในราชกิจ หรืออาจจะเมาไปไม่
หน่อยก็ไม่ทราบได้ พระสหายร่วมเสพน้ำาจัณฑ์นั้นก็คือพวกโปรตุเกสที่ร่วม
รบกับพระองค์มาแต่เริ่มนั่นล่ะ จะฝรั่งหรือพม่าเมื่อเมาแล้วก็ได้เสียงานทุกที
ไปสิ
การปล่อยพระองค์เช่นนี้ก็เท่ากับเปิดช่องว่างให้กับผู้ไม่ปรารถนา
ดี ดีที่ยังมีบุเรงนองขุนศึกคู่พระทัยอยู่เคียงข้างทำาให้ศัตรูทั้งในและนอกราช
สำานักยังไม่กล้ากล้ำากราย จนเมื่อบุเรงนองต้องออกไปปราบกบฎที่เมือง
สิเรียม พระเจ้าตะเบงชเวตี้ก็เสด็จไปคล้องช้างตามที่เจ้าเมืองสะโตงกราบ
บังคมทูลเชิญ ซึ่งที่นั่นคือสถานที่ปิดฉากความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์หนุ่มผู้นี้
********************
พระเจ้าตะเบงชเวตี้แห่งตองอูถูกลอบปลงพระชนม์ขณะบรรทม
มิได้เสด็จสวรรคตในการศึกให้สมกับที่เป็นนักรบ น่าเสียดายที่ผู้ยิ่งใหญ่ใน
อดีตหลายท่านจบชีวิตลงอย่างไม่ค่อยจะสมเกียรติสักเท่าไหร่ แต่ที่เสียดาย
ยิ่งกว่าก็คืออาณาจักรที่พระองค์อุตส่าห์ทำาศึกรวบรวมไว้เกือบจะเป็นปึก
๔๑