Page 96 - รวมเลมวจยในชนเรยน 2-2562_Neat
P. 96
86
ในการได้ร่วมกิจกรรมสามารถส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สามารถคิดวิเคราะห์
สังเคราะห์แก้ปัญหาอย่างมีเหตุมีผลและเห็นคุณค่าของตนเอง
วิคลันต์ (Wicklund. 2003 : 3457–A) ได้ศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลของการเรียนรู้รายบุคคลกับการเรียนรู้แบบร่วมมือกันในระดับมหาวิทยาลัย
แม้ว่ามีงานวิจัยสนับสนุนให้จัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันในระดับต ่ากว่าอุดมศึกษา
แต่ในระดับอุดมศึกษายังไม่มีงานวิจัยสนับสนุน การศึกษาครั้งนี้ได้ก าหนดสมมติฐานไว้ 4
ข้อ คือนักศึกษาที่เรียนแบบเอกัตภาพและเรียนแบบร่วมมือมีผลการเรียนแตกต่างกัน การ
เรียนรู้แบบร่วมมือกันเรียนรู้เป็นรายบุคคลมีการใช้เวลาในการช่วยเหลือของครูแตกต่างกัน
นักศึกษาที่เรียนแบบรายบุคคลกับการเรียนแบบร่วมมือกันมีระยะเวลาในการใช้
คอมพิวเตอร์เพื่อการท างานที่มอบหมายแตกต่างกัน นักศึกษาทั้ง 2 กลุ่ม ระยะเวลาที่ใช้ใน
การศึกษาแตกต่างกัน การศึกษาในรูปแบบการทดสอบหลังเรียน โดยแบ่งนักศึกษาเป็น 2
กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเรียนแบบร่วมมือกันใช้เวลาในการศึกษาคอมพิวเตอร์น้อยกว่านักศึกษาที่
เรียนแบบเป็นรายบุคคล แต่นักศึกษาทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกันในเรื่องอื่น ๆ ที่ก าหนดไว้ใน
สมมติฐาน
สเตเปิล (Staples. 2004 : 3987–A) ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการท างาน
ร่วมกันของนักเรียนในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา โดยการศึกษาปัญหาการ
เรียนแบบร่วมมือในการเรียนคณิตศาสตร์เป็นอย่างไร ผู้สอนและผู้เรียนจะมีบทบาทอย่างไร
ในการเรียนรู้แบบร่วมมือการเรียนรู้แบบร่วมมือมีการช่วยเหลือกันอย่างไร โดยการบันทึก
วิดีโอ การสัมภาษณ์ การส ารวจและการท าผลงานในชั้นเรียน ผลการศึกษาพบว่า วิธีการ
สอนของผู้สอนเกี่ยวข้องกับการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือกันเรียนรู้ มีกรอบและแนวคิด 2 แนวทางคือ
1) การสร้างผู้สอนให้มีบทบาทในการเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้แบบร่วมมือ
2) การสร้างตัวแบบให้ผู้เรียนพัฒนาบุคลิกภาพที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือ