Page 50 - 18_การปฏบตตอเดก เยาวชน สตร_Neat
P. 50
๔๑
๓) ในการถามปากคําผูเสียหายหรือพยานซึ่งเปนเด็ก หากนักจิตวิทยาหรือ
นักสังคมสงเคราะหเห็นวา การถามปากคําเด็กคนใดหรือคําถามใด อาจมีผลกระทบกระเทือนตอจิตใจ
เด็กอยางรุนแรง ใหพนักงานสอบสวนถามผานนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะหเปนการเฉพาะ
ตามประเด็นคําถามของพนักงานสอบสวน โดยมิใหเด็กไดยินคําถามของพนักงานสอบสวน และ
หามมิใหถามเด็กซํ้าซอนหลายครั้ง โดยไมมีเหตุอันสมควร
๔) เปนหนาที่ของพนักงานสอบสวนที่จะตองแจงใหนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห
บุคคลที่เด็กรองขอและพนักงานอัยการทราบ และแจงสิทธิดังกลาวขางตนใหผูเสียหายหรือพยานที่เปน
เด็กทราบ
๕) หากผูเสียหายหรือพยานที่เปนเด็ก ไมพอใจ นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห
หรือพนักงานอัยการที่เขารวมในการจดบันทึกนั้น ผูเสียหายหรือพยานที่เปนเด็กตั้งรังเกียจได ซึ่งมาตรา
๑๓๓ ทวิ วรรคสาม ไดระบุไว แตมิไดระบุถึงหลักเกณฑหรือสาเหตุในการตั้งรังเกียจ เพียงแตระบุให
เปลี่ยนตัวบุคคลดังกลาว ดังนั้น จึงควรคํานึงถึงความพอใจและสบายใจของเด็กเปนสําคัญ
ขอสังเกต
(๑) โดยทั่วไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดกําหนดใหผูแทนโดยชอบธรรม มีอํานาจจัดการแทน
ผูเสียหาย ซึ่งเปนผูเยาวได หากเปนกรณีความผิดที่ไดกระทําตอผูเยาวซึ่งอยูในความดูแล และผูแทนโดยชอบธรรมที่มีอํานาจจัดการ
แทนผูเสียหายซึ่งเปนผูเยาวตามมาตรา ๕(๑) เชนวานี้ ยอมมีอํานาจรองทุกขแทนผูเสียหายที่เปนผูเยาวไดตามมาตรา ๓(๑) หากเปน
กรณีที่ผูแทนโดยชอบธรรมใชอํานาจจัดการแทนตามมาตรา ๕(๑) ประกอบ มาตรา ๓(๑) รองทุกขแทนผูเสียหายที่เปนเด็ก พนักงาน
สอบสวนยอมไมอยูในบังคับที่จะตองปฏิบัติตามมาตรา ๑๒๔/๑ กลาวคือพนักงานสอบสวนไมตองนําบทบัญญัติในมาตรา ๑๓๓ ทวิ
วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบังคับโดยอนุโลมแกการจดบันทึกคํารองทุกขของผูแทนโดยชอบธรรมแตอยางใด
ทั้งนี้ เพราะวัตถุประสงคหลักของการแกไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๒๔/๑ ก็คือมุงประสงคจะคุมครองเด็กที่เขาสูกระบวนการยุติธรรม
ไมวาจะในฐานะเปนผูเสียหาย ผูตองหา หรือพยาน มิใหเด็กไดรับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรม หรือปองกันมิใหมีการ
กระทําการใดๆ อันอาจเปนการซํ้าเติมจิตใจเด็ก ดังนั้น มาตรา ๑๒๔/๑ ที่เพิ่มเติมขึ้นใหมนี้ จึงไมอาจนําไปใชบังคับแกกรณี
ผูแทนโดยชอบธรรมใชอํานาจจัดการแทนตามมาตรา ๕(๑) ประกอบมาตรา ๓(๑) รองทุกขแทนผูเสียหายที่เปนผูเยาว ซึ่งอยู
ในความดูแลได หากแตจะมีผลใชบังคับสําหรับกรณีที่ผูเสียหายเปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ป ซึ่งเปนผูเสียหายโดยตรงรองทุกข
ดวยตนเองเทานั้น
และมาตรา ๑๒๔/๑ นี้ใชบังคับทั้งที่เปนการรองทุกขตอพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๑๒๓ และกรณีที่
ผูเสียหายรองทุกขตอพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ตามมาตรา ๑๒๔ (ธานิศ เกศวพิทักษ, ๒๕๕๗)
(๒) การนับอายุของผูเสียหายที่เปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ปนั้น จะใชหลักเกณฑอยางไรในเรื่องนี้ นายธานิศ
เกศวพิทักษ รองประธานศาลฎีกา ไดใหความเห็นวา “เจตนารมณของมาตรา ๑๒๔/๑ ที่เพิ่มเติมใหมที่มุงประสงคจะคุมครอง
ผูเสียหายที่เปนเด็กที่เขาสูกระบวนการยุติธรรม มิใหเด็กไดรับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรมหรือปองกันมิใหมีการ
กระทําใดๆ อันอาจเปนการซํ้าเติมจิตใจเด็กแลว ก็นาจะตองนับอายุของผูเสียหายที่เปนเด็กจนถึงวันที่ผูเสียหายที่เปนเด็ก
รองทุกข ดังนั้นแมในวันที่มีการกระทําความผิด ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กยังมีอายุไมเกิน ๑๘ ป แตในวันที่ผูเสียหายรองทุกข
ผูเสียหายมีอายุเกิน ๑๘ ปแลว กรณีไมนาจะตองดวยหลักเกณฑตามมาตรา ๑๒๔/๑” (ธานิศ เกศวพิทักษ, ๒๕๕๗)
(๓) หลักเกณฑมาตรา ๑๒๔/๑ คํานึงถึงวุฒิภาวะของผูเสียหายซึ่งเปนเด็ก โดยใชเกณฑอายุไมเกิน ๑๘ ปเทานั้น
หาใชหลักเรื่อง “ผูเยาว” หรือ “ผูบรรลุนิติภาวะ” ไม ดังเห็นไดจาก
บันทึกสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกอบรางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เรื่องเสร็จที่ ๔๔๐/๒๕๕๐ หนา ๖ มีขอสังเกตของสํานักงานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับ
เจตนารมณของการแกไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๒๔/๑ ตามพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ.๒๕๕๐ มีขอความตอนหนึ่งวา