Page 48 - 17_หลกการสอสารและการสรางความสมพนธกบประชาชน_Neat
P. 48

๓๙




                             ๙.  การพัฒนาศักยภาพของตน (Self Development) ไดแก การศึกษาพัฒนาตนเอง
                 ตามศักยภาพใหดีที่สุดทั้งทางรางกาย จิตใจ และบุคลิกภาพ เพื่อใหตนเปนสมาชิกที่มีประสิทธิภาพของ

                 สังคมและเปนประโยชนตอผูอื่นและสังคมโดยสวนรวม รวมทั้งการดํารงชีวิตอยางสันติสุขของตนเอง
                             ๑๐. การเรียนรูความรับผิดชอบ (Responsibility) ไดแก การเรียนรูความรับผิดชอบตาม
                 หนาที่ที่ไดรับมอบหมายในการปฏิบัติงานในการทํางานรวมกันเพื่อใหงานนั้นบรรลุเปาหมายอยางดีที่สุด



                 à·¤¹Ô¤¡ÒÃÊÌҧÁ¹ØÉÂÊÑÁ¾Ñ¹¸

                             เทคนิคการสรางมนุษยสัมพันธ หมายถึง กลวิธีในการติดตอสัมพันธเพื่อสรางความประทับใจ
                 ใหเกิดแกคนทั่วไปในสังคม ซึ่งอาจจะประมวลไดดังนี้
                             ๑.  ยิ้มแยมแจมใส แมวาบุคคลที่เรายิ้มดวยเขาจะไมยินดียินราย ก็จะพยายามตอไป

                             ๒.  พยายามศึกษาบุคคลอื่นใหลึกซึ้ง ศึกษาภูมิหลังของเขาวาเปนคนภูมิภาคใด นับถือ
                 ศาสนาอะไร เรียนจบอะไร มีปมเดนปมดอยอยางไร เพื่อจะไดปรับตัวใหเขากับเขาไดงาย โดยเฉพาะ

                 จะทําใหเราระวังการพูดจาไมใหกระทบปมดอยของเขา และเลือกปมเดนของเขามาพูด
                             ๓.  รูจักฟงใหมากกวาการพูด การเปดโอกาสใหผูอื่นพูดทําใหบุคคลพอใจเพราะเขารูสึก
                 วาเขาไดรับความสําคัญ และการฟงทําใหเราไดรับประโยชนมาก

                             ๔.  ศึกษาสภาพแวดลอมในสังคมหรือในที่ทํางาน เพื่อใหทราบวาใครมีความขัดแยงกับใคร
                 จะไดระมัดระวังตัวไมพูดเขาขางฝายใดฝายหนึ่ง เพราะการพูดเขาขางฝายใดฝายหนึ่งยอมทําใหอีก

                 ฝายหนึ่งไมพอใจได
                             ๕.  ใหความสําคัญแกผูอื่น วิธีการที่แสดงวาผูอื่นสําคัญ มีดังนี้
                                 ๕.๑  พูดใหคนอื่นรูวาเขาเกง ดี รํ่ารวย มีเกียรติ หรือเปนคนสําคัญ

                                 ๕.๒  แสดงกิริยาสุภาพออนนอมถอมตนตอเขา
                                 ๕.๓  ใหสิ่งที่ดีที่สุดแกเขา ใหโอกาสในการทําสิ่งตางๆ กอนตัวเราเสมอถาทําได

                                 ๕.๔  ปฏิบัติตอผูอื่นเยี่ยงบุคคลพิเศษ เชน ใหนั่งเกาอี้ที่ดีที่สุดเทาที่มีอยู
                             ๖.  ไมควรทําตัวเดนเกินไปหรือทําตัวเปนผูรอบรู แลวแสดงความรูความสามารถไปหมด
                 ทุกเรื่อง ทําใหกลายเปนคนที่ “นาหมั่นไส” คนอื่นไมชอบหนาและการทําตัวเชนนี้บางครั้งเปนการทํางาน

                 ขามหนาผูอื่นเพราะความอยากแสดงออกทําใหเปนอันตรายยิ่ง
                             ๗.  ไมควรมีความมั่นใจจนเกินไป การแสดงความมั่นใจจนเกินไป คือ ไมยอมแพใคร

                 ไมคอยจํานนในเหตุผลของผูอื่น สวนมากเปนลักษณะการแสดงความคิด คนที่มีความมั่นใจจนเกิน
                 ไปจะกลายเปนคนกลาคิด กลาทํา จนทําใหกลายเปนคนดื้อดึง กาวราว ไมมีคนชอบ การแกไขคือ
                 ควรคิดวามีอีกหลายอยางที่เราไมรู คิดวาคนอื่นจะตองเกงกวาเรา ทําเปนยอมเขาบางเพื่อจะไดรับ

                 ความรักจากคนอื่นๆ
                             ๘.  ควรวางตัวใหเหมาะกาลเทศะและบุคคล ตัวอยางของการรูจักกาลเทศะ คือ ควรจะ

                 รูวาเวลานั้นเปนเวลาที่เศราโศก ดีใจ หรือสนุกสนาน และควรรูวาที่นั้นเปนงานศพ งานเลี้ยง สังสรรค
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53