Page 151 - E-book หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม
P. 151
146
(6) ปริสัญญตา คือ ความเป็นผู้รู้จักชุมชน หมายถึง การรู้จักสังคม กลุ่มชน
หรือหมู่หนึ่ง คณะหนึ่ง กลุ่มชนนั้น ๆ มีขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีแตกต่างกัน เช่น พวก
นักศึกษา พวกทหาร พวกตํารวจพวกชาวบ้านแต่ละท้องถิ่น พวกพระภิกษุเป็นต้นผู้ฉลาดจะเข้าสู่
สังคมใด ต้องศึกษาธรรมเนียมของสังคมนั้นก่อนแล้วปรับตัวเข้ากับเขาแต่พอดีพองามในทํานองเข้า
เมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามพอให้ไม่ เก้อ ไม่เป็น ไม่เป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของคนในสังคมนั้น ๆ
แต่ไม่จําเป็นต้องยอมรับขนบธรรมเนียมของเขามาเป็นของตน
(7) บุคคลปโรปรัญญตา คือ ความเป็นผู้รู้จักบุคคลแต่ละคน เรียกสั้น ๆ ว่า
บุคคลญญตา หมายความว่า รู้จักบุคคลแต่ละคน เพื่อเลือกปฏิบัติต่อคนนั้น ๆ ได้อย่างถูกต้องการ
เลือกคบคนนั้น ต้องดูให้รู้ว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนชั่ว สิ่งที่ต้องดูคือ กายกรรม และวจีกรรม ของ
บุคคลนั้น ๆ อันจะสะท้อนให้ทราบถึงมโนกรรม อุปนิสัย และอัธยาศัย ถ้าเขาชอบทํากายทุจริต พูด
วจีทุจริต ก็สันนิษฐานได้ว่า ความคิดของเขาก็เป็นมโนทุจริตเช่นกัน คนเช่นนั้นไม่ควรคบ ตรงกัน
ข้าม ถ้าเขาทําแต่กายสุจริต พูดวจีสุจริต ก็แสดงว่าความคิดของเขาเป็นมโนสุจริต คนเช่นนั้นคบได้
การคบ นั้นมีหลายฐานะ เช่น คบเป็นมิตร คบเป็นครู เป็นศิษย์ คบเป็นเจ้านาย ลูกน้อง คบเป็น
สามี ภรรยา ซึ่งต้องดู ให้เหมาะสมฐานะนั้น ๆ การรู้จักคนเพื่อประโยชน์ในการปกครอง นอกจากดู
ว่าใครเป็นคนดี ไม่ดี แค่ไหน เพียงไรแล้ว ต้องดูความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ สุขภาพกาย
สุขภาพจิต การชอบสังคมหรือไม่ชอบ สังคมของเขาด้วย เพื่อจะใช้คนให้ถูกกับงาน จะช่วยให้งาน
สําเร็จเรียบร้อย และเป็นที่พอใจด้วยกันทุกฝ่าย
(8) มรรค คือ ทางดับทุกข์หรือแนวทางการแก้ปัญหาซึ่งมีข้อปฏิบัติให้ถึงความดับ
ทุกข์อยู่ 8 ประการ เรียกว่า มรรค 8 หรือ มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลางซึ่งประกอบด้วย
(1) สัมมาทิฏฐิ (การเห็นชอบ) คือเห็นสิ่งทั้งหลายตามที่เป็นจริง เห็นว่าทําดี
ได้ดี ทําชั่ว ได้ชั่ว เป็นต้น
(2) สัมมาสังกัปปะ (การดําริชอบ) คือ การนึกคิดในสิ่งที่ถูกต้องคิดที่จะ
ปราศจากโลภ พยาบาท ปองร้ายผู้อื่นและไม่เบียดเบียนผู้อื่น
(3) สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ) ได้แก่การพูดด้วยถ้อยคําที่ไม่มีโทษหรือคํา
สุภาพจะเว้นการพูดเท็จพูดส่อเสียดพูดคําหยาบพูดคําหยาบพูดเพ้อเจ้อพูดให้แตกความสามัคคี