Page 84 - OB
P. 84

68    บทที่ 3



               ตัวอย่างงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพ และความฉลาดทางอารมณ์



                          ในส่วนกำรศึกษำและท ำกำรวิจัยเกี่ยวกับบุคลิกภำพ และควำมฉลำดทำงอำรมณ์
               ของพนักงำนในองค์กำรต่ำงๆ ผู้เขียนได้รวบรวมตัวอย่ำงงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงให้เห็น

               ถึงควำมส ำคัญของประเด็นดังกล่ำวต่อกำรบริหำรทรัพยำกรมนุษย์ในองค์กำรปัจจุบัน โดยมี

               รำยละเอียดดังต่อไปนี้


                          นภัสวรรณ ตู้ปัญญำกนก (2550) ได้ท ำกำรศึกษำเรื่อง บุคลิกภำพแบบ MBTI  และ

               เชำวน์อำรมณ์ที่มีต่อคุณภำพชีวิตในกำรท ำงำนของพนักงำนต้อนรับภำคพื้นดิน กรณีศึกษำสำย

               กำรบินต้นทุนต ่ำสำยกำรบินหนึ่ง ซึ่งท ำกำรศึกษำโดยใช้แบบสอบถำมที่พัฒนำโดยอิงตำมแนวคิด
               กำรวัดบุคลิกภำพแบบ MBTI  แนวคิดเชำวน์อำรมณ์ของ Goleman  และแนวคิดคุณภำพชีวิตใน

               กำรท ำงำนของ Walton  ผลกำรศึกษำพบว่ำ พนักงำนต้อนรับภำคพื้นดินมีบุคลิกภำพที่โดดเด่น 3

               อันดับแรก ได้แก่ บุคลิกภำพแบบ ESTJ,  ISTJ  และ ESFJ  ตำมล ำดับ โดยไม่พบควำมแตกต่ำง
               ระหว่ำงบุคลิกภำพตำมแบบ MBTI กับเชำว์อำรมณ์ในภำพรวมและรำยมิติ ซึ่งบุคลิกภำพทั้งหมด

               มีเชำว์อำรมณ์อยู่ในระดับสูง โดยเฉพำะบุคลิกภำพแบบ ESTJ  มีเชำว์อำรมณ์อยู่ในระดับสูงที่สุด

               ยกเว้นบุคลิกภำพแบบ ISFP และ INTJ มีเชำว์อำรมณ์อยู่ในระดับปำนกลำง ตลอดจนมีเพียงเชำว์

               อำรมณ์ด้ำนกำรจูงใจตัวเองเท่ำนั้น ที่มีควำมสัมพันธ์กับคุณภำพชีวิตในกำรท ำงำน
                          อำจหำญ นิมิตรหมื่นไวย (2550) ได้ท ำกำรศึกษำเรื่อง กำรประยุกต์ใช้หลักธรรมะ

               เรื่องจิตตภำวนำเพื่อพัฒนำควำมฉลำดทำงอำรมณ์ของบุคลำกร ซึ่งท ำกำรศึกษำโดยใช้กำร

               สัมภำษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องในกำรน ำเอำหลักจิตตภำวนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนำควำมฉลำดทำง
               อำรมณ์ของบุคลำกร ผลกำรศึกษำพบว่ำ กระบวนกำรในกำรพัฒนำควำมฉลำดทำงอำรมณ์ด้วย

               หลักจิตตภำวนำนั้น ขึ้นอยู่กับควำมเหมำะสมขององค์กรว่ำควรใช้กระบวนกำรพัฒนำตำมหลัก

               สมถะคือ กำรนั่งสมำธิ ดูลมหำยใจ หรือพัฒนำตำมหลักวิปัสสนำคือ กำรมีสติระลึกรู้ทุก
               อิริยำบถของกำยตำมควำมรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเวทนำ จิต และธรรม ด้วยกำรเดินจงกรม หรือ

               อำจจะใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนำไปพร้อมๆ กันก็ได้ ขึ้นอยู่กับควำมถนัดของแต่ละบุคคล เช่น

               ฝึกรู้ไปอย่ำงสมถะคือ เอำจิตจดจ่อสบำยๆ ลงไปในกำยที่ถูกรู้นั้น เมื่อจิตมีก ำลังขึ้นแล้ว ก็ให้
               เห็นว่ำอิริยำบถ ควำมเคลื่อนไหวกำย หรือลมหำยใจนั้น เป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้ ถูกเห็น ไม่ใช่จิต มี

               ควำมไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตำ นอกจำกนั้น ผลลัพธ์จำกกำรพัฒนำควำมฉลำดทำงอำรมณ์

               ด้วยหลักจิตตภำวนำ สำมำรถสรุปประโยชน์ได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่ ประโยชน์ต่อบุคคลรอบข้ำง
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89