Page 169 - สุขศึกษา พลศึกษา ม.ต้น
P. 169

169



                   ชื่นชม และยินดีกับความสําเร็จของผูอื่น
                                 4.  การมีสวนรวม และการแบงปน  สัมพันธภาพที่ดีคือ การไดมีสวนรวมแบงปน

                   ในประสบการณ รูจักรับฟงความคิด และยอมรับความจริงจากคนสวนมาก

                                 5.  การมีความยืดหยุน  คนที่มีความยืดหยุนจะเปนคนที่สามารถมีความสุข แมจะ

                   อยูกับคนที่มีความเห็นตางกัน
                                 6.  ความเห็นอกเห็นใจผูอื่น  การแสดงความเห็นอกเห็นใจ จะทําไดงายถามี

                   สัมพันธภาพที่ดีตอกัน เพราะจะไมเกิดความเขาใจผิดตอกัน

                                 จากการที่คนเราตองมีสัมพันธภาพที่ดีกับผูอื่นนั้น ก็เพื่อที่จะสามารถอยูรวมกับ
                   ผูอื่นได โดยที่ไดรับการชวยเหลือจากผูอื่นตามสมควร ไมวาจะเปนเพื่อน พอแม พี่นอง หรือคน

                   อื่น ๆ โดยเฉพาะการมีสัมพันธภาพที่ดีระหวางพอแมกับลูกวัยรุนเปนสิ่งที่สําคัญมาก เพื่อลูกจะได

                   เติบโตเปนผูใหญที่ดี และประสบความสําเร็จในชีวิตตอไป


                   การสรางสัมพันธภาพดวยการให

                                 •  การฝกใหเปนผูเสียสละ หรือเปนผูใหนั้น พอแมจะตองสอนลูก หรือเปน

                   ตัวอยางในการเปนผูใหเสมอ

                                 •  การใหโดยทั่วไปนั้น เรามักจะนึกถึงแตการใหสิ่งของ หรือเงินทอง แตความ
                   จริงยังมีสิ่งสําคัญที่ทุกคนควรใหแกกัน ไดแก การใหรอยยิ้ม ใหความจริงใจ ใหการชวยเหลือ

                   ใหคําชมเชย ใหความเมตตา ใหอภัย ฯลฯ ซึ่งการใหสิ่งเหลานี้ไมตองเสียเงินทองซื้อหา แตตองเปน

                   การใหที่ออกมาจากใจจริง จะเปนการสรางมิตรภาพที่ดีตอกัน

                                 •  ใหนึกเสมอวา จงเปนผูใหเถิด ใหผูอื่นใหมากขึ้น รับใหนอยลง จึงจะเปนการ
                   ทําใหครอบครัวเรามีความสุข และสังคมจะอบอุน เพื่อลูกไดซึมซับ และนําไปใชในการเปนผูให

                   เสมอกับเพื่อน ๆ พี่ นอง และคนอื่น ๆ ที่อยูรวมกัน


                   การฝกใหเปนคนนารัก นาคบหา

                                 เคยไดยินอาจารยทานหนึ่งพูดในรายการโทรทัศนนานมาแลววา “ลูกเราไมวาจะ

                   เปนอยางไร มันก็ดูนารักไปหมดในสายตาพอแม แตเราจะตองสอนลูกเราใหเปนคนนารัก เพื่อที่คน

                   อื่นเขาจะไดรักลูกเราดวย”
                                 •  พวกเราที่เปนผูใหญคงเคยเห็นเด็กประเภทนี้บาง เชน

                                         -  เห็นผูใหญแลวไมไหว ทําเปนมองไมเห็น

                                         -  พูดจาไมเพราะ  หนาบึ้งตึง

                                         -  ไมรูจักกาลเทศะ
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174